ขยายผลการจับกุมเครือข่ายแก๊ง Romance Scam ชาวแอฟริกัน
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้
สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ปฏิบัติราชการ กก.สส.บก.ตม.1 ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ค.63 กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้ทลายแก๊ง
โรแมนส์สแกมชาวแอฟริกัน ได้ที่ถนนเพชรบุรี 17 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพ ได้จำนวน 3 ราย เป็นชายชาวไนจีเรีย 2 ราย และหญิงชาวไทยอีก 1 ราย
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 ได้สั่งการให้ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ทำการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมสมาชิกในแก๊งดังกล่าว เนื่องจากการจับกุมในครั้งนั้นสามารถจับกุมสมาชิกทีมกดเงินและสมาชิกทีมรับเงินฟอกเงินได้ และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบบัญชีผีของธนาคารต่าง ๆ อีกจำนวน 14 บัญชี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามตัวสมาชิกทีมรับจ้างหาคนเปิดบัญชี จนสามารถสืบทราบและติดตามตัวเจ้าของบัญชีผีทั้ง 14 คน มาทำการสอบปากคำจนทราบว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายธงชัย ให้เป็นผู้เปิดบัญชี โดยเสนอเงินให้จำนวน 1,500 บาท ต่อการเปิดบัญชีธนาคาร 1 ครั้ง พร้อมบัตร ATM ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ และสำเนาบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูล จึงพบว่า นายธงชัย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงในการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เดินทางไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ บ้านเกิดของผู้ต้องหา จากการสอบถามคนในหมู่บ้านทราบว่านายธงชัย มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติซึ่งรู้จักกันในเรือนจำ และในแต่ละเดือนมักได้รับการติดต่อจากเพื่อนชาวต่างชาติให้เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ เมื่อสอบถามถึงพฤติกรรมของนายธงชัยหลังจากออกมาจากเรือนจำ
ทราบว่าได้ทำการชักชวนคนในหมู่บ้านให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคารพร้อมบัตร ATM ซิมการ์ดโทรศัพท์ พร้อมขอสำเนาบัตรประจำตัวไปด้วย โดยนายธงชัยจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ทั้งหมดและจะจ่ายเงินค่าจ้างในภายหลัง ซึ่งได้ชักชวนมาแล้วหลายคนและไม่ได้บอกถึงวัตถุประสงค์ว่าจะนำไปใช้เพื่ออะไร และนายธงชัยเองก็มักจะไปเปิดบัญชีธนาคารอยู่บ่อย ๆ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการประสานไปยังธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลของนายธงชัย จากการตรวจสอบทราบว่านายธงชัย ได้เปิดบัญชีธนาคารมาหลายแห่ง และมีบางบัญชีได้ถูกอายัดไว้แล้ว เนื่องจากผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงได้ขออายัดไว้ได้ทันก่อนทีมม้ากดจะกดเงินออกไป ทำให้เงินของผู้เสียหายยังคงค้างอยู่ในบัญชี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังได้ประสานไปยังธนาคารต่าง ๆ หากพบตัวนายธงชัย ให้ทำการติดต่อหรือแจ้งชุดสืบสวนทราบด้วย
จนกระทั้งเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.63 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่านายธงชัย จะเข้าไปติดต่อเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินในธนาคารแห่งหนึ่ง จึงได้จัดกำลังแฝงตัวเฝ้ารอยังบริเวณธนาคารดังกล่าว จนกระทั่งพบนายธงชัย กำลังจะเข้าไปยังธนาคาร เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและขอตรวจสอบ นายธงชัยรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมาจริง จึงได้ทำการจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 จะได้ทำการสืบสวนขยายผลสมาชิกแก๊งโรแมนส์สแกมดังกล่าวต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง