นางแบบอิสระแห่พบ พงส.แจ้งเพิ่มข้อหาอนาจารกับช่างภาพโปร์ไฟล์ดีชื่อดัง
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้ามได้นำกำลังเข้าจับกุม ช่างภาพโปร์ไฟล์ดีชื่อดัง อายุ 42 ปี ซึ่งเป็น ช่างภาพชื่อดังแนวปลุกใจเสือป่า ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.382/2563 และ จ.383/2563 ลงวันที่ 10 ก.ค.63 ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย หลังมีนางแบบอิสระหลายรายเดินทางเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศระหว่างทำการถ่ายภาพ อาทิ ถือวิสาสะลูบคลำของสงวน และสัมผัสเรือนร่าง ในลักษณะหื่นกาม จนสร้างความวิตกกังวลให้แก่ผู้เสียหาย กระทั่งผู้ต้องหามีการใช้หลักทรัพย์เงินสดจำนวน 200,000 บาท ขอประกันตัวออกไปในชั้นพนักงานสอบสวนตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 ก.ค.2563 ที่ สน.ท่าข้าม ปรากฏว่ามีกลุ่มนางแบบอิสระ จำนวน 6 คน เดินทางมาขอเข้าพบ ร.ต.ท.หญิง สุภัทรา ประมุขกุล รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เพื่อให้ดำเนินคดีกับช่างภาพโปร์ไฟล์ดี คนดังกล่าวเพิ่มเติมอีกในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้เสียหายทั้ง 6 ราย ได้นำหลักฐานเป็นข้อความที่ตกลงนัดหมายไปถ่ายภาพกับช่างภาพคนดังกล่าว ทางแอพลิเคชั่นไลน์ และหลักฐานอื่นๆ ที่พอหาได้มามอบให้พนักงานสอบสวน
จากการสอบถาม น.ส.ครีม (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 26 ปี อาชีพนางแบบอิสระ เล่าให้ฟังก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ว่า ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ตนรู้ว่าช่างภาพโปร์ไฟล์ดี คนดังกล่าว เป็นช่างภาพมีดีกรีในวงการจึงไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจาก ช่างภาพคนดังกล่าว ให้ไปพบเพื่อถ่ายภาพที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนถนนพระราม 2 โดยตกลงกันว่าเมื่อถ่ายงานเสร็จสิ้นแล้วตนจะขอภาพไปทำพอร์ทของตัวเองเพื่อเก็บไว้นำเสนอรับงานจากลูกค้าที่สนใจว่าจ้าง วันนั้นจึงตกลงกันไปถ่ายภาพในธีมเชฟทำอาหารแนวเซ็กซี่ ใส่ชุดบิกินี่ คลุมทับด้วยผ้ากันเปื้อน และเดินทางไปพบกับช่างภาพคนดังกล่าว ตรงตามเวลานัดหมาย “ตนตัดสินใจพาแฟนไปด้วย แต่พอไปถึงที่โรงแรม ปรากฏว่า ช่างภาพ ไม่อนุญาตให้ตนนำแฟนขึ้นไปบนห้องพักด้วย ซึ่งตอนแรกตนก็เชื่อในความเป็นมืออาชีพ และไม่คาดคิดจะมีสิ่งใดผิดปกติจึงยอมขึ้นไปถ่ายภาพกับ ช่างภาพคนดังกล่าว เพียงสองต่อสอง ระหว่างการทำงานก็เห็นช่างภาพ ดื่มเบียร์ตลอดเวลา จนเริ่มเอะใจที่เจ้าตัวชอบนำมือมาสัมผัสจัดแจงตามร่างกายและถูกของสงวน จนถึงชอตสำคัญที่ช่างภาพ สั่งให้ตนเปลือยอกและใช้น้ำนมราดที่ร่างกาย พอถ่ายชอตนี้เสร็จ นายธนกฤต ก็หยิบทิชชู่ให้ และจู่โจมเข้ามาใช้ลิ้นเลียน้ำนมบนร่างตนทำให้เกิดมีปากเสียงกัน และ ตนต้องรีบแต่งตัวใส่เสื้อผ้าวิ่งหนีลงมาทันที วันนั้นตนไม่กล้าบอกแฟนจนวันนี้รู้ว่ามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาไว้แล้วจึงรวมตัวกันกับเพื่อนๆ นางแบบที่เคยตกเป็นเหยื่อเช่นกันราว 10 คน เลยตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในที่สุด” น.ส.ครีม กล่าว
ด้าน น.ส.ปอ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 24 ปี อาชีพนางแบบอิสระกล่าวในฐานะผู้เสียหายอีกราย ว่า วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา รับนัดหมายจาก ช่างภาพ ให้ไปถ่ายภาพที่โรงแรมแห่งนี้เช่นเดียวกัน โดยตกลงกันไว้ว่าจะถ่ายชุดบิกีนี่ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และตนไม่คิดค่าตัวเพราะต้องการไฟล์ภาพจากมืออาชีพเอาไว้ทำพอร์ทส่งงาน แต่เมื่อเดินทางไปถึงก็เริ่มเอะใจ เพราะปรากฏว่าทีมงานมีเพียงตนและช่างภาพคนดังกล่าว อยู่ในห้องเพียงลำพังเท่านั้น และ ช่างภาพ ก็จะดื่มเบียร์ตลอดระยะเวลาของการถ่ายทำจนกระทั่งรู้สึกว่ามีการผิดข้อตกลง เพราะเสื้อผ้าที่ ช่างภาพ เตรียมมา ไม่ใช่เฉพาะชุดบิกินี่ แต่มีอุปกรณ์เซ็กซ์ทอย เข้ามาประกอบอาทิ กุญแจมือ และชุดเสื้อผ้าแนวที่ปรากฏในหนังโป๊ของญี่ปุ่น ที่พีคไปกว่านั้นมีจังหวะที่ช่างภาพ ให้ตนใช้ผ้าผูกปิดตา แล้วตนรู้สึกได้ว่า ช่างภาพได้นำอวัยวะเพศปลอมแบบสั่นมาจี้ที่ของสงวนของตนทำให้ตนต้องโวยวาย และรีบใส่เสื้อผ้าหนีออกมาจากโรงแรมดังกล่าวทันที
น.ส.ปอ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาผู้เสียหายส่วนใหญ่คิดว่าแค่ถูกกระทำอนาจาร แตะเนื้อต้องตัวก็เลยไม่ได้คิดเข้าแจ้งความบางรายปล่อยเลยตามเลยไม่โวยวายก็จะได้ไฟล์ภาพจาก ช่างภาพคนดังกล่าว ส่งมาให้เก็บไว้ทำพอร์ท รายละ 7-10 ภาพ แต่ขณะนี้กลุ่มเหยื่อประมาณ 12 ราย ที่รวมตัวกันได้ ตัดสินใจร่วมกันแล้วว่าจะเข้าแจ้งความ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในวงการช่างภาพและนางแบบอิสระ ประกอบกับเกรงว่า ช่างภาพโปร์ไฟล์ดีคนดังกล่าว จะนำภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือเผยแพร่ตามเว็บไซต์ใต้ดิน วันนี้จึงมีเหยื่อเดินทางมาทั้งสิ้น 6 ราย และอีกส่วนกำลังตัดสินใจทยอยกันมาเข้าแจ้งความในช่วง 1-2 วันนี้ ซึ่งมีบางรายถูกบังคับให้อมนกเขาด้วย
ขณะที่ ร.ต.ท.หญิง สุภัทรา ประมุขกุล รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม กล่าวว่า จะดำเนินการสอบปากคำเหยื่อที่เดินทางเข้ามาแจ้งความในวันนี้อย่างครบถ้วน โดยแยกสอบสวนเป็นรายคดี เพราะมีการเกิดความผิดต่างกรรมต่างวาระจากนั้นจะนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาขออนุมัติหมายจับจากศาลตามฐานความผิดที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำต่อผู้เสียหายต่อไป.
ชุติเดช ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.