“วิษณุ” แจง 3 ช่องทาง รมต.ใหม่ เข้าทำงานได้ก่อนถวายสัตย์ฯ
“วิษณุ” เผย 4 กุมาร มีผลเมื่อไหร่ ยึดที่หนังสือลาออก แจง 3 ช่องทาง รัฐมนตรีใหม่ใหม่เข้าทำงานได้
วันที่ 16 ก.ค.63 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ลาออก ว่า ต้องดูว่าการลาออกนั้นมีผลเมื่อไหร่ ซึ่งแล้วแต่ในหนังสือลาออกที่เขายื่นว่า มีผลตั้งแต่วันที่เท่าไหร่เป็นต้นไป หรือแล้วแต่เขาจะกำหนด และเมื่อมีผล ก็เป็นผลตามนั้นและตำแหน่งว่างลง
เมื่อตำแหน่งว่างลงแล้ว ถ้ากระทรวงใดมีรัฐมนตรีช่วย รัฐมนตรีช่วยคนนั้นก็จะเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ากระทรวงใดไม่มีรัฐมนตรีช่วย ก็มีมติคณะรัฐมนตรีอยู่ แต่เดิมที่จะให้รัฐมนตรีรักษา ราชการแทน ซึ่งเป็นอัตโนมัติเว้นแต่มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะมีเป็นอื่นใด เพราะถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอในวันอังคารสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ดังนั้นจึงจะต้องดูในหนังสือที่ยื่นลาออกว่ามีผลอย่างไร สื่อมวลชนอย่าพึ่งทึกทักว่าลาออกแล้วมีผลทันที เพราะต้องดูในหนังสือลาออกด้วยว่าเขาระบุให้มีผลอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับครม.เกิดขึ้นรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามานั้น ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมก่อนใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า 1. ต้องโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง 2. ก็ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน 3. เว้นแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฎิบัติหน้าที่ได้โดยยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่งรัฐธรรมนูญมีข้อยกเว้นอันนี้ไว้ให้ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย แต่ยังไม่เคยใช้ โดยจะต้องกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต ซึ่งได้ยินว่า กับทูต หรือ ศาล ที่เคยใช้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ อาจมีผลกระทบต่อรมว.คลังที่ต้องเป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณจะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นโดยตำแหน่ง แต่เป็นโดยชื่อ ซึ่งอาจจะเป็นต่อไปก็ได้ หรือ ขอลาออกซึ่งถ้าขอลาออกก็จะมีรองประธานกรรมาธิการที่มีอยู่ 10 กว่าคนดังนั้นไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งก็แล้วแต่คณะรัฐมนตรีว่าจะเสนอชื่อไปใหม่หรือไม่ ซึ่งในอดีตก็เคยมีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขอไม่เป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณ สมัยมรว. ปรีดิยาธร เทวกุล ณ อยุธยา เป็นรองนายกรัฐมนตรี