แพทย์ มช. เจ๋ง ปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต

แพทย์ มช. เจ๋ง ปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านกล้องครั้งแรกในประเทศไทย

แพทย์ มช. เจ๋ง ปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต โดยใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านกล้องครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน ช่วยผู้ป่วยมะเร็งตับไม่ต้องรอคิวบริจาคอวัยวะนาน มีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่าร้อยละ 80 – 90

เมื่อเวลา 9.ooน. วันที่ 17 กค. 2563 ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการแถลงข่าว”การผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิต โดยวิธีการผ่านตัดผ่านกล้องครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งที่ 2 ในอาเซียน” โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ โลจนภิวัฒน์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ เป็นประธานในการแถลงข่าว พร้อมเชิญนายบุญยืน มีมานะ ผู้รับบริจาคตับ และนางสาวสาลินี ช่างเงิน ลูกสาว ชาวจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นผู้บริจาคตับ เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ เปิดเผยว่า มะเร็ตับเป็นมะเร็งที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับตัน ๆ ของประเทศไทย การรักษามะเร็งตับที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือการฝ่าตัดมะเร็งตับออก อย่างไรก็ตาม ผู้ปวยมะเร็งตับมักพบว่ามีภาวะตับแข็งร่วมด้วย ซึ่งสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ และการดื่มสุรา เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมะเร็งตับส่วนใหญ่ไม่สามารถรับการรักษาโดยการผ่าตัดได้ แต่ปัจจุบันการแพทย์ของประเทศไทยมีพัฒนาการไปอย่างมาก โดยเฉพาะการให้การรักษาผู้ป่วยโรคตับ ด้วยปลูกถ่ายตับ ซึ่งการผ่าตัดสามารถรักษาทั้งภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับไปในการผ่าตัดครั้งเดียวกัน ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งตับที่ได้รับการปลูกถ่ายตับมีอัตราการรอดชีวิตสูงถึงร้อยละ 80-90 และมีอัตราการกลับเป็นซ้ำต่ำเมื่อเทียบกับการรักษาวิธีอื่น ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตยืนยาว ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวได้อีกครั้ง


ขณะนี้การปลูกถ่ายตับสำหรับผู้ใหญ่มีด้วยกัน 2 วิธี คือ 1.การปลูกถ่ายตับจากผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตาย เป็นการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคที่สมองตายแล้ว ในปัจจุบันการปลูกถ่ายตับในประเทศไทยส่วนใหญ่ เป็นการปลูกถ่ายวิธีนี้ ข้อดีของการผ่าตัดวิธีนี้คือ ไม่ต้องเสี่ยงทำการผ่าตัดในผู้บริจาคที่มีชีวิต แต่ข้อเสีย คือ การรออวัยวะที่นานหลายเดือน หรือหลายปี เนื่องจากในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน มีผู้บริจาคอวัยวะจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รออวัยวะ


ส่วนวิธีที่ 2 คือ การปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต เป็นการผ่าตัดตับกลีบขวาของผู้บริจาคที่เป็นญาติสายตรง สามีหรือภรรยาของผู้ป่วย โดยการผ่าตัดลักษณะนี้เป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนสูง เนื่องจากต้องผ่าตัดตับโดยแยกหลอดเลือดและท่อน้ำดีออกมา เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อหลอดเลือดและท่อน้ำดีของผู้บริจาค แต่ข้อดีของการผ่าตัดวิธีนี้ คือ สามารถลดระยะเวลาการรออวัยวะให้สั้นลงเหลือประมาณ 34 สัปดาห์ ตับยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่า และมีระยะเวลาที่ขาดเลือดสั้นกว่าการปลูกถ่ายตับจากผู้ป่วยสมองตาย
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรณกิจ บอกว่า ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นเพียงสถาบันเดียวที่ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคมีชีวิตเพื่อรักษาโรคมะเร็งตับในผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการตัดวิธีดังกล่าวมากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 28 ราย

อาจารย์ นายแพทย์รกิตติ ลาภพิเศษพันธุ์ อาจารย์ประจำหน่วยศัลยศาสตร์ ระบบตับทางเดินน้ำดีและตับอ่อน กล่าวว่า ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบรุกล้ำน้อย ซึ่งเป็นผ่าตัดผ่านการส่องกล้องที่มีการพัฒนาก้าวหน้าเป็นอย่างมาก คณะแพทยศาสตร์ จึงเริ่มใช้การผ่าตัดผ่านการส่องกล้องในการตัดตับของผู้บริจาค เนื่องจากผู้บริจาคส่วนใหญ่มีอายุน้อย ยังอยู่ในวัยทำงาน การผ่าตัดผ่านการส่องกล้องมีข้อดีคือ ลดการปวดแผล ผู้บริจาคไม่มีแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ที่ช่องท้อง และระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดเปิดประมาณ 5 วัน เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดที่ใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน ผู้บริจาคและผู้รับบริจาคฟื้นตัวได้เร็วกว่า และสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นกว่าเดิม


อย่างไรก็ตามการผ่าตัดผ่านการส่องกล้องยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ผู้บริจาคที่มีความแปรปรวนของกายวิภาค กล่าวคือ มีโครงสร้างและหลอดเลือดของตับที่ผิดปกติไปจากเดิม คณะแพทย์ศาสตร์ ได้ทำการผ่าตัดตับผู้บริจาคผ่านการส่องกล้อง และนำไปปลูกถ่ายแก่ผู้ป่วยมะเร็งตับสำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 ซึ่งการผ่าตัดผ่านการส่องกล้องเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ ร่วมแรง เสียสละจากหลายฝ่าย ทั้งผู้บริจาคอวัยวะ ผู้ป่วยและครอบครัว ทีมศัลยแพทย์ปลูกถ่ายตับ สำหรับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดปลูกถ่ายตับด้วยวิธีผ่าตัดผ่านกล้อง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 – 8 แสนบาท โดยผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ตามสิทธิที่มีอยู่
ด้านนางสาวลาลินี ผู้บริจาคตับให้บิดา ได้กล่าวขอบคุณคณะแพทย์ ที่ผ่านตัดให้ตนเองและพ่อ ซึ่งหลังผ่าตัดพ่อกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงอีกครั้ง เช่นเดียวกับตนเองที่เป็นผู้บริจาคตับให้พ่อเพื่อนำไปปลูกถ่าย ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยเฉพาะการกลับมาออกกำลังกาย และวิ่ง เพราะตนเองก็เป็นนักวิ่งด้วย

กรรณิกา วชิรโสภาพรรณ 081-9525355

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม