“พิชัย” ชี้ “ไพรินทร์” เหมาะสมเป็น “รมว. พลังงาน” เพราะ เก่งและฉลาด แต่ต้องแยกบทบาทกับ ปตท. หวั่น พรรค พปชร แตก เพราะแกนนำผิดหวังไม่ได้เก้าอี้พลังงาน
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2563 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่มีกระแสปรับ ครม. โดยมีกระทรวงพลังงาน อยู่ในส่วนที่จะถูกปรับด้วยนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่า กระทรวงพลังงานแม้ไม่ใช่กระทรวงใหญ่แต่มมีผลประโยชน์มหาศาล และ มีผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจประเทศ ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งถ้าจะทำให้ดีและไม่ได้มีเจตนามาหาผลประโยชน์จะต้องเป็นผู้มีความรู้ 3 ด้าน คือ ด้านเทคนิคพลังงาน ต้องเข้าใจรายละเอียดของพลังงานแต่ละประเภท ด้านเศรษฐกิจ จะต้องทราบผลกระทบของราคาและนโยบายพลังงานต่อระบบเศรษฐกิจ และ การเมือง ซึ่งราคาพลังงานมีผลต่อการเมืองมาโดยตลอด และเกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์จำนวนมาก ดังนั้น รมว. พลังงานที่ดีจะต้องมีความรู้ทั้ง 3 ด้านมาประกอบกันในการตัดสินใจ ส่วนจะเป็นคนในพรรค พปชร หรือ คนนอกพรรค คงไม่เกี่ยว น่าจะต้องดูที่ความรู้ความสามารถ แต่หากดูในพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไม่เห็นมีคนที่ความรู้ความสามารถทั้ง 3 ด้านเหมาะสมจะมาเป็น รมว. พลังงานได้
และตามชื่อที่ปรากฏในสื่อว่า นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช. คมนาคม และ อดีต CEO บมจ. ปตท. จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น ก็ถือว่าเหมาะสม เพราะจากประสพการณ์ที่เคยทำงานร่วมกันมา นายไพรินทร์ เป็นคนฉลาดและ เก่ง มีความรู้พลังงานเป็นอย่างดี และมีความรู้ทางเศรษฐกิจด้วย โดยเชื่อว่านายไพรินทร์น่าจะเป็นคนที่ฉลาดมากที่สุดคนหนึ่งใน ครม. เลย และน่าจะพอรู้การเมืองดีจากการเคยเป็น รมช. คมนาคมมาก่อน อีกทั้งยังเป็นคนมือสะอาดไม่มีประวัติด่างพร้อย แต่การที่เคยเป็น CEO ของ บมจ. ปตท. มาก่อน อาจจะต้องแยกบทบาทของกระทรวงพลังงานที่เป็นฝ่ายกำกับกับ บมจ. ปตท. ออกจากกัน เพราะหลายเรื่องใน บมจ. ปตท. จะต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าประโยชน์ของบริษัท ซึ่งเชื่อว่านายไพรินทร์น่าจะทำได้ แต่เป็นห่วงว่าอาจจะสร้างความไม่พอใจภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างรุนแรง เพราะมีแกนนำหลายคนจ้องอยากเป็น รมว. พลังงานนี้ เพราะมีผลประโยชน์มหาศาล
กระทรวงพลังงานมีงบประมาณในแต่ละปีน้อยมาก เพียงประมาณ 2,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่กำกับดูแล ธุรกิจพลังงานทั้งหมด รวมถึง บมจ. ปตท. รวม กลุ่มธุรกิจ และ กฟผ. เป็นต้น ที่มียอดรายได้รวมแล้ว ปีละหลายล้านล้านบาท จึงอาจจะเกิดการธุรกิจและหาผลประโยชน์ได้ อีกทั้งยังมีกองทุนอนุรักษ์พลังงานอีกด้วย ซึ่งในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งได้ทำทุกอย่างถูกต้องโปร่งใส ซึ่งพิสูจน์แล้ว เพราะ คสช. ได้ส่ง สตง. เข้าตรวจสอบตนในทุกโครงการ และ ส่งสรรพากรตรวจสอบตนในทุกบัญชีธนาคาร เพียงเพราะตนวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
ส่วนแนวคิดที่จะให้ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว. พลังงานนั้น ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะแค่งานตอนนี้ของนายกที่เป็นทั้ง นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม ดูแล สตช. และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ งานก็ล้นมืออยู่แล้ว และก็ยังทำได้ไม่ดีเลย การเป็น รมว. พลังงาน ที่ดียังจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจอย่างมาก และน่าจะยากกว่าความรู้ทางเศรษฐกิจปกติด้วย ขนาดเศรษฐกิจพิ้นฐานพลเอกประยุทธ์ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย ดังนั้นการจะควบ รมว. พลังงานด้วยน่าจะไม่เกิดประโยชน์และจะไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังจะซ้ำเติมความล้มเหลวให้เพิ่มขึ้น