เหิมเกริม… บิ๊กท็อปเต้นโจรบุกปล้นไม้พะยูงของกลางทั่วอีสาน สั่งศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า พยัคฆ์ไพร พญาเสือ ศปป.4 กอ.รมน. ตามล่าทลายแก๊งปล้นไม้ของกลาง ปะทะเดือด รวบได้2 หนีรอดนับ10 หัวหน้าแก๊งบาดเจ็บ จนท.ตามล่ารพ.หนีทันก่อนจนท.ไปถึง
จากกรณี กลุ่มคนร้ายจำนวนกว่า10คนพร้อมอาวุธปืน ร่วมกันเข้าลักลอบขโมยไม้พะยูงของกลางจนเต็มคันรถ จากหน่วย ป้องกันรักษาป่าที่ นม.4 (เขาภูหลวง) พื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และหลบหนีออกไปตามเส้นทาง ถนนในหมู่บ้าน เพื่อออกไปถนนสาย 304 โดยมีรถคุ้มกันรถขนไม้4คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยๆนม4. ได้ร่วมกันนำรถไถนามาปิดกั้นถนนเพื่อเข้าจับกุม โดยคนร้ายบางส่วน วิ่งหลบหนีหายไปในความมืด และ1ในจำนวนคนร้ายคนร้ายชื่อ ส.อ.สงวน บุตรเสมียน ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด เตรียมต่อสู้เจ้าหน้าที่ แต่ภายหลังได้ทิ้งอาวุธปืน และหลบหนีไปพร้อมพรรคพวก โดยเจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายที่มากับรถขนไม้พะยูง ได้2คน ส่วนขบวนรถยนต์คุ้มกันอาศัยเส้นทางอื่นๆ หลบหนีรอดไปได้
วันที่ 18 ก.ค. 2563 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ เปิดเผยว่าโดยการนำของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ประธานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการตัดไม้ ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ภายใต้การอำนวยการของ ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ได้สั่งการให้นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกับนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 (อุบลราชธานี) พันเอก(พิเศษ)พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นายพนัชกร โพธิบัณฑิตหน.หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ นายอรรถพล เภาอ่อน หน.วนอุทยานฯชะอำ ผช.อช.กุยบุรี/จนท.หน่วยพญาเสือ / น.ส.เนตรนภา งามเนตร จนท.หน่วยพญาเสือ / หน.วนอุทยานเขานางพันธุรัต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลติดตามขบวนการลักลอบ และปล้นไม้พะยูง ตามสถานที่ราชการ และไม้ของกลางที่เก็บรักษาไว้ ตามหน่วยป้องกันรักษาป่า ทั่วประเทศ เพื่อติดตามกลุ่มขบวนการมาดำเนินคดีให้ได้จนถึงที่สุดนั้น
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ร่วมกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ,นายนายพัชกร โพธิ์บัณฑิต ได้ร่วมกันวางแผนขยายผล โดยได้ขอหมายศาลของจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจค้นสถานที่หลายจุดในท้องที่ ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ตามที่คณะเจ้าหน้าที่ขยายผลจนทราบว่า เป็นที่พักอาศัยของกลุ่มคนร้าย และเป็นจุดเก็บซุกซ่อนไม้พะยูง ที่ร่วมกันลักลอบขโมย หรือปล้นมาจากสถานที่ต่างๆ ทั่วภาคอีสาน
จุดแรกกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจค้น บ้านของนายโสภณ บุญเชื่อม ซึ่งสืบทราบว่าเป็นแหล่งซ่องสุม และเก็บไม้พะยูงที่ได้มา ก่อนส่งต่อให้ขบวนการ เคลื่อนย้ายออกไปต่างประเทศ จากการเข้าตรวจสอบ ไม่พบตัวนายโสภณ พบเพียงลูกชายที่ให้การเป็นประโยชน์ ต่อคณะเจ้าหน้าที่ว่า โดยปกตินายโสภณ ไม่ได้พักอาศัยที่บ้านดังกล่าว มีเพียงตนเองและแม่พักอาศัย โดยนายโสภณจะเข้ามา เมื่อต้องการเอารถที่บรรทุกไม้มาเก็บไว้ เพื่อรอเคลื่อนย้ายส่งต่อ โดยมีกลุ่มขบวนการจำนวนมาก และทำมานานแล้ว จากการติดตามขยายผลพบว่า นายโสภณมีบ้านที่พักอาศัยหลายที่ และมีรถยนต์หลายคัน คอยสลับสับเปลี่ยนในการออกก่อเหตุ
ทั้งนี้ช่วงเช้ามืดของคืนวันที่เกิดเหตุ หลังหลบหนีรอดจากการจับกุม นายโสภณได้ย้อนกลับเข้ามาที่บ้าน หลังที่ใช้เก็บไม้ที่ขโมยหรือปล้นมาได้ ทำการเผาทำลายอุปกรณ์หลักฐานทิ้ง จำนวนมากที่บริเวณหลังบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามมา นายโสภณได้หลบหนีไปก่อนหน้าแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบมีการเผาสายเชือก ที่เป็นอุปกรณ์ของกลุ่มลักลอบทำไม้พะยูงสร้างขึ้นมา สำหรับใช้แบกไม้พะยูงออกมาจากป่า จำนวนมาก และยังเหลือที่ยังไม่ถูกเผาอีกจำนวนมาก ตรวจสอบพบไม้พะยูงท่อนจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนบริเวณชายป่าใกล้บ้าน และตรวจพบแผ่นป้ายทะเบียน ของรถยนต์กระบะ นิสสันเนเวอร่า สีดำ ที่ใช้ในการก่อเหตุถูกถอดเก็บไว้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยเมื่อออกไปก่อเหตุจะใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม เป็นป้ายแดงติดไปแทน เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตรวจยึด ดำเนินคดี พร้อมขยายผลตรวจสอบ
จุดต่อมาได้เข้าติดตามไปที่บ้านพักของ ส.อ.สงวน บุตรเสลี่ยม (ชื่อตามทะเบียนราษฎร์) ตรวจสอบไม่พบนายสงวนๆ อยู่ที่บ้านพักแต่อย่างใด สำหรับนายสงวนถือว่าเป็นบุคคลอันตราย ที่มีทั้งอาวุธปืนยาวและสั้น ในการคุ้มกันขบวนการ ขณะออกก่อเหตุขโมยไม้ของกลาง และเตรียมพร้อมต่อสู้เจ้าหน้าที่ หากเข้ามามาขัดขวางจับกุม และเคยตระเวนกระทำแบบนี้ มาหลายครั้งนับไม่ถ้วนทั่วภาคอีสาน แต่หนีหลุดรอดไปได้ทุกครั้งตลอดมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติทราบว่า นายสงวน บุตรเสลี่ยม ไม่ได้ปฎิบัติงานในตำแหน่ง ใดๆในหน่วยงานทหารแต่อย่างใด เป็นการแอบอ้างให้มียศนำหน้าชื่อเท่านั้น
จุดที่3 กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โรงงานไม้แปรรูป 2 แห่ง ในพื้นที่ ต.ช่องเม็ก ที่อาจจะมีการเกี่ยวข้องกับขบวนการ เพราะทั้ง2แห่งเป็น โรงงานที่รับซื้อไม้ในพื้นที่ และบรรจุใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ส่งออกไปต่างประเทศ ทางท่าเรือแหลมฉบัง จากการตรวจสอบ บริษัทๆดังกล่าวดำเนินกิจการ รับซื้อไม้ประดู่ขนาดใหญ่นำมาปลอกเปลือก และบรรจุ ใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ส่งออกไปต่างประเทศทางเรือ ตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมายป่าไม้ หรือเกี่ยวข้องกับคดีปล้นไม้ ตามหน่วยงานรัฐ แต่อย่างใด
จุดที่4เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น บริษัท ป.พนาวรรณ ซึ่งเป็นโรงงานที่รับซื้อไม้ท่อน และไม้เรือนเก่าจากทั่วประเทศ เพื่อนำมาแปรรูปประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์ ส่งออกไปต่างประเทศ จากการตรวจสอบไม่พบไม้พะยูงในโรงงานดังกล่าว แต่พบว่ามีการ กระทำผิดกฎหมายป่าไม้อื่นๆ พบเครื่องเลื่อยยนต์ ผิดกฎหมาย 3เครื่อง ไม้ประดู่แปรรูป ไม้ประดู่ท่อนอีกจำนวนมาก โดยโรงงานไม่สามารถนำเอกสาร การได้มาของไม้มาแสดงได้ คณะเจ้าหน้าที่จึง ทำการตรวจยึด ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลตรวจสอบ แหล่งที่มาของไม้ดังกล่าวต่อไป
จากการรวบรวมข้อมูลขยายผล พบกลุ่มขบวนการของนายโสภณ เป็นกลุ่มขบวนการลักลอบไม้พะยูง ที่เคยเข้าลักลอบ ขโมยไม้พะยูงของกลาง ที่หน่วยป้องกันรักษาป่า กส1 (ห้วยเม็ก) ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ที่ผ่านมาและอีกหลายๆที่ในเขตภาคอีสาน ซึ่งชุดปฎิบัติการจะขยายผลต่อไป
ต่อมานายชีวะภาพ ชีวะธรรม พร้อมกับชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพร ประสาน พ.ต.อ.ประชุม แถมกลาง ผกก.สภ.อุดมทรัพย์ ออกติดตามคนร้าย ที่ยังหลบหนีจำนวนกว่า 10คน ซึ่งมีกลุ่มขบวนการชาวลาวด้วย โดยสืบทราบว่านายสงวน บุตรเยี่ยม หรือฉายาจ่า รส เจ้าของอาวุธปืนยาว ที่ใช้ต่อสู้เจ้าหน้าที่ และถูกกระสุนปืนบาดเจ็บ หลบหนีแอบเข้ารักษาตัวที่ รพ.เดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ชุดปฎิบัติการจึงได้ติดตามไปที่ รพ. แต่ นายสงวนๆไหวตัวก่อน ให้พรรคพวกพาหลบหนีออกจาก รพ. ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง คณะเจ้าหน้าที่จะขยายผลติดตามคนร้ายทั้งหมดต่อไป
ล่าสุดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 (อุบลราชธานี) นายพนัชกร โพธิบัณฑิตหน.หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ ติดตามแกะรอยกลุ่มขบวนการ จนทราบจุดเก็บไม้พะยูงล็อตใหญ่ ในท้องที่ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบไม้พะยูงผิดกฎหมายจำนวนมาก กว่า 40 ลบ.ม มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท พร้อมคนเฝ้า 1คน และขยายผลติดตามขบวนการนี้ต่อไป โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป)สั่งการให้ชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพร ชุดปฎิบัติการของ ศปป4.กอ.รมน. นำกำลังเข้าร่วมดำเนินการ ขยายผลให้ถึงที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม มาตรการป้องกันการเกิดเหตุ และดูแลของกลาง ตามหน่วยป้องกันรักษาป่าๆ ของกรมป่าไม้ ได้วางระเบียบปฎิบัติไว้5ข้อ ประกอบด้วย
1.เพิ่มศักยภาพของเวรยาม ที่ดูแลไม้ของกลางตามหน่วย โดยคัดเลือกบุคคลที่มีความพร้อม ได้รับการฝึกฝนด้านการใช้อาวุธมาอย่างดี เพื่อพร้อมสำหรับกรณี ที่ต้องพบเหตุการณ์ ที่จำเป็นต้องมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ
2.มีระบบการรายงานสถานการณ์ ที่มีประสิทธิภาพผ่านระบบไลน์กลุ่ม โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 24.00-05.00 ของทุก วัน โดยให้รายงานสถานการณ์ทุก 2 ชม.
3.เพิ่มเทคโนโลยีเช่นกล้องวงจรปิด ต้องมีทุกที่และต้องเป็นระบบที่การแจ้งเตือน เมื่อตรวจสอบพบการเคลื่อนไหวทันที
4.เคลื่อนย้ายไม้ของกลาง ไปเก็บรักษาไว้ที่ปลอดภัย ตามโรงเก็บไม้ของกลาง ที่กระจายรองรับอยู่ในแต่ละท้องที่
5.ใช้กลไกของ ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป) เป็นตัวขับเคลื่อน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลบังคับใช้กฎหมาย ต่อกลุ่มขบวนการในระดับต่างๆให้ถึงที่สุด
วุฒิเดช ก้อนทองคำ ผู้สื่อข่าว จ. กาญจนบุรี