ลพบุรีแล้งหนักน้ำในเขื่อนป่าสักมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ชาวนาระส่ำ
แล้งหนักหนักเขื่อนป่าสักซอยวิกฤตน้ำต้นทุนเหลือไม่ถึง 10% เปอร์เซ็นต์ ของความจุ วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ผู้รายงานว่าสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มส่อเค้ารุนแรงกว่าทุกปีขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เตรียมปรับลดการระบายน้ำหลังไม่มีน้ำไหลลงอ่างเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้น้ำต้นทุนเหลือไม่ถึง 10%
นายอภิรักษ์ ศรีกุล ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบุว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ณ เวลานี้ถือว่าน่าเป็นห่วง เกษตรกรต้องใช้น้ำอย่างประหยัดงดการทำนาปรังและหันมาปลูกพืชน้ำน้อยแทนเนื่องจากปีนี้ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมาทำให้ปริมาณฝนสะสมมีน้อยมาก เขื่อนป่าสักฯ มีความจำเป็นต้องทยอยปรับลดการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนซึ่งขณะนี้เปิดประตูระบายน้ำเพียง 0.867 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศในแม่น้ำป่าสักช่วงท้ายเขื่อน ล่าสุดวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ปริมาณน้ำอยู่ที่ 93.87 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9.78 เปอร์เซ็นต์ จากปริมาณเก็บกักสูงสุด 960 ล้านลูกบาศก์เมตรโดยไม่มีน้ำ ปริมาณน้ำไหลลงพื้นที่รับน้ำของเขื่อนทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เลย
ทางเขื่อนฯ มีความจำเป็นต้องลดการระบายน้ำลงเพื่อความเหมาะสม เพื่อการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการบริโภค ขอให้เกษตรกรที่ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลดการเพาะปลูกข้าวนาปรังและหันไปปลูกพืชน้ำน้อยแทน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความเสียหายของพืชผลทางเกษตรจากปัจจัยการขาดแคลนน้ำและภัยแล้งที่เกิดขึ้นด้วย
นายประเสริฐ ล้วนพร อายุ 72 ปี เกษตรกรชาวนา ต.ป่าตาล อ.เมือง ลพบุรี กล่าวว่าถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้ใช้น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ ที่เริ่มแห้งขอดจนน่าเป็นห่วง ซึ่งตนเองยังมีน้ำต้นทุนในคลองสาขาต่างๆ และฝนที่ตกลงมาบ้างเมื่ออาทิตย์ก่อน จึงได้ตัดใจทำการหว่านข้าว ซึ่งกำลังแทงหน่อ ฝนกลับหยุดตก และนกนาๆ ชนิดที่แอบมากินข้าวจนได้รับความเสียหาย จึงได้ต้องจ้างคนมาไล่ตั้งแต่เช้ายันค่ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อให้ เมล็ดข้าวจมน้ำต้นข้าวที่แทงหน่อแล้วรอดตาย ซึ่งหากฝนไม่ตกลงมาช่วยน้ำในลำคลองสาขาๆ ต่างๆ แห้งขอดก็ต้องทำใจ
กฤษณ์ สนใจ ผู้สื่อข่าว จ.ลพบุรี