เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 19 ก.ค.63 พลเรือโท สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1) ได้รับรายงานจาก เรือโท พีระพันธุ์ คำภิระแปง ผู้บังคับเรือตรวจการณ์ ต.235 ขณะทำการลาดตะเวนน่านน้ำอ่าวไทย ช่วงห่างเกาะไผ่ แบริ่ง 290 ระยะ 12 ไมล์ทะเล ตรวจพบเรือดัดแปลง ความยาวลำเรือ 20 วา ตัวเรือสีเทา ติดธงชาติไทย ลักษณะคล้ายเรือทหาร ชื่อ ส.พรนาวิน บรรทุกน้ำมันดีเซลราว 1 แสนลิตร ตรวจสอบไม่เอกสาร ต้องสงสัยลักลอบค้าน้ำมันผิดกฎหมาย จึงควบคุมเรือ พร้อมลูกเรือคนไทยรวม 4 คน ขึ้นฝั่งทำการสอบสวนยัง ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
จากการตรวจสอบ เรือลำดังกล่าว ตัวเรือเป็นเหล็กหนา ใต้ท้องเรือดัดแปลงเป็นห้องกักเก็บน้ำมัน จำนวน 8 ตู้ สามารถบรรจุได้ 1 แสนลิตร ที่ตรวจพบมาเต็มลำเรือ ส่วนไต๋เรือ ทราบชื่อคือ นายพิศิษฐ์ กันหอม อายุ 50 ปี ชาวจังหวัดระนอง และลูกเรือ 3 คน คือ นายทองสุข สาลการ อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ นายปรีดา จันวันคะนอง อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ และนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เบื้องต้น ไม่มีเอกสารหลักฐานการเสียภาษีสรรพสามิต และหลักฐานผ่านพิธีการทางศุลกากรมาแสดง โดยไต๋เรือให้การว่า น้ำมันดังกล่าว ได้เดินทางออกมาจาก ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ก่อนจะมาถูกจับ
พลเรือโท สุทธินันท์ สมานรักษ์ เปิดเผยว่า ภายหลังการจับกุม ได้ควบคุมตัวลูกเรือทั้งหมด ไปทำการสอบสวนหาที่มาของน้ำมัน และหาผู้อยู่ร่วมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนครั้งนี้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งการค้าน้ำมันเถื่อน ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก ที่ผ่านมาในปี 63 ได้มีการดำเนินจับกุมเรือค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่อ่าวไทยตอนบนแล้ว 6 ครั้ง ยึดน้ำมันกว่า 5 แสนลิตร รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 20 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง และใกล้ฝั่ง เข้มงวดในการออกลาดตระเวน เพื่อไม่ให้มีผู้ใดใช้น่านน้ำไทย กระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ
ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
