ยะลาพร้อมละหมาดวันศุกร์ 296 มัสยิด ขณะที่มัสยิดกลางยะลา ยังไม่พร้อมเปิดละหมาด ส่วนชาวบ้านแห่จับจ่ายซื้อของรับวันรายอ
กรณีผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้ขอผ่อนปรนให้มีการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19โดยสำหรับในพื้นที่ของ จ.ยะลา นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย หะยีอิสมาแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และคณะกรรมการประเมินสถานการณ์เพื่อพิจารณาการผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)ได้รับรายงานบัญชีมัสยิดที่มีความพร้อมทำการละหมาด (ญุมอะห์) ซึ่งได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองตามแบบรายการตรวจสอบความพร้อมสำหรับมัสยิด (Checklist)ดำเนินการพิจารณาอนุญาตให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ ซึ่งมัสยิดที่ขอเปิดละหมาดและผ่านการกลั่นกรองระดับอำเภอแล้วมีทั้งหมดล่าสุด 296 มัสยิด ในพื้นที่ 8 อำเภอของ จ.ยะลา จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุข และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
วันนี้ 22 พ.ค.63 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ มัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา “มัสยิดเราฎอตุลยันนะห์” ย่านชุมชนตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา คณะกรรมการมัสยิดและชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว กำลังจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดมัสยิดเพื่อละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)ตามข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย 1.อาบน้ำละหมาดจากบ้าน 2.นำพรมละหมาด(ซาญาดะห์)จากบ้าน 3.มีแมสปิดจมูก 4.ล้างมือวัดไข้ ก่อนเข้ามัสยิด 5.ละหมาดตามจุดที่กำหนด 6.ไม่สลามหรือสัมผัสมือ 7.เฉพาะสัพบุรุษกุรียะมัสยิดยะหา 8.ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19เกือบ 2 อาทิตย์ ซึ่งจากการสอบถามจาก คณะกรรมการมัสยิด เปิดเผยว่า ทราบว่า ทางมัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา ยังไม่พร้อมในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)ยังต้องเตรียมการอีกหลายขั้นตอน เพราะเป็นมัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา เป็นมัสยิดใหญ่ รองรับพี่น้องชาวไทยมุสลิมจากหลายพื้นที่ ไม่สามารถตรวจตราเคร่งครัดได้ สำหรับ การละหมาดวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ. 1441 ที่จะมาถึงนี้ ทางมัสยิดสามารถตรวจสอบคัดกรองได้ เพราะเป็นพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆมัสยิด หรือ คนในชุมชน เท่านั้นเอง
ขณะที่บรรยากาศบริเวณย่านการค้า ย่านเศรษฐกิจ ภายในเขตเทศบาลนครยะลา มีประชาชน พี่น้องผู้นับถือศาสนาอิสลามยังคงเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ผ้าโสร่ง และของกินหลากหลายชนิด เพื่อเตรียมไว้สำหรับสวมใส่ในวันฮารีรายอ พร้อมทั้ง ทำอาหารจัดเลี้ยงให้กับเครือญาติและเพื่อนบ้าน ในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1441 โดยบรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะเดียวกัน ยังคงมีเสียงการจุดประทัดดัง โปรยปราย แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จะขอความร่วมมือไม่ให้มีการจุดประทัดเพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้าย และป้องกันอันตรายจากประทัด เนื่องจากในทุกๆ ปี จะมีเด็กๆ เล่นประทัดจนได้รับบาดเจ็บจำนวนมากทุกครั้ง นายโทนี อาดำ อายุ 38 ปี พ่อค้าขายกระเทียม ภายในตลาดสดพิมลชัย เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตแพร่ระบาด ของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ หลายอาทิตย์ ซึ่งในวันนี้รับวันรายอตนเองมีความสุขมากที่ขายได้ดี
