อดีตผู้พิพากษา เผยชัดเหตุจำเป็นต้องต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
สืบเนื่องจากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ โดยที่ประชุมมีมติต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปอีก 1 เดือนให้ครอบคลุมถึง 30 มิ.ย.
ขณะเดียวกัน นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า …..ถ้ายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และใช้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพียงฉบับเดียวมาใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
…..อำนาจในการปฏิบัติตาม พรบ.โรคติดต่อ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการใดๆ ตามกฎหมายฉบับนี้
…..ผู้ที่ออกมาต่อต้านและเรียกร้องให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน น่าจะรู้ดีว่าการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-๑๙ ที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จจนทั่วโลกให้การยอมรับและยกย่องนั้น เหตุผลสำคัญประการหนึ่งก็คือการนำ พรก.ฉุกเฉิน มาใช้ในการปัญหาเพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการได้ในทุกกรณี
…..ถ้ายกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และใน รมต.สาธารณสุข ใช้ พรบ.โรคติดต่อแก้ปัญหา โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ไม่มีอำนาจยุ่งเกี่ยว เชื่อได้ว่าการระบาดของโควิด-๑๙ รอบสอง เช่นที่เกิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ที่ในรอบแรกมีผู้ป่วยเพียง ๑,๐๐๐ คนเศษ แต่ขณะนี้มีผู้ป่วยถึง ๓๐,๔๒๖ คน ทั้งๆ ที่มีประชากรทั้งประเทศเพียง ๕ ล้านคนเศษเท่านั้น
…..ถ้าประเทศไทยมีผู้ป่วยเท่าหรือมากกว่าสิงคโปร์จนเท่ากับประเทศฝรั่งเศสหรือสเปนหรือสหรัฐอเมริกาเมื่อใด ผู้ที่ออกมาต่อต้านการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน และผู้ที่คอยจ้องล้มรัฐบาลชุดนี้ก็จะประสานเสียงออกมาขับไล่รัฐบาลชุดนี้โดยอ้างเหตุว่าแก้ไขป้องกันการระบาดของโควิด-๑๙ ล้มเหลว
…..ส่วนประชาชนคนไทยจะป่วยเจ็บและเสียชีวิตมากมาย แค่ไหน แม้อาจมีญาติพี่น้องของตนเองรวมอยู่ด้วย บุคคลเหล่านี้ก็คงไม่สนใจ เพราะต้องการเพียงให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากผู้นำของประเทศไทยเท่านั้น