“เฉลิมชัย” แจง เกณฑ์รับเยียวยา ชี้ “เกษตรกร” ในระบบประกันสังคม ม.33 ได้มากกว่า5พัน ไม่ได้สิทธิแรงงานภาคเกษตร เช่นเดียวกับ “ขรก.บำนาญ” ระบุ “เกษตรกรที่เป็นขรก.” ได้รับการดูแลภัยภิบัติ มีเงินเดือน ถือว่ารัฐดูแลแล้ว โยน แล้วแต่ “คกก.กรั่นกรอง” จะให้หรือไม่
มาตรการเยียวยาเกษตรกร โอนเงิน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนให้แก่เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้เริ่มทยอยโอนเงินเยียวยาให้แก่เกษตรกรบางส่วนไปแล้วนั้นยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะกรณีเกษตรกรผู้ที่เป็นข้าราชการ รวมถึงผู้ที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา33 ที่ ยังมีความคาใจในเรื่องการได้รับหรือไม่ได้รับสิทธิ์เยียวยาในครั้งนี้นั้น
ล่าสุด เมื่อ 23 พ.ค.63 เฟซบุ๊กของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการให้สัมภาษณ์เพื่อชี้แจงในหลายประเด็นที่หลายๆ คนยังสงสัยอยู่ รวมทั้งสิ้น 6 ประเด็นได้แก่
1. หลักเกณฑ์ในการได้รับเงินเยียวยา
2. ขั้นตอนการดำเนินงาน
3. รายละเอียดการโอนเงิน
4. กรณีการอุทธรณ์
5. ผู้อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 มีสิทธิ์ไหม
6. เกษตรกรที่เป็นข้าราชการจะได้รับสิทธิ์ด้วยหรือไม่
โดยสาระสำคัญได้แก่
1.หลักเกณฑ์ในการได้รับเงินเยียวยา
นายเฉลิมชัย ระบุว่า เรามีการสำรวจทะเบียนเกษตรกรจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งหมด 8 หน่วยงาน นำเสนอ คณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ และนำเสนอต่อ ครม. ให้อนุมัตินำเงินมาเยียวยาเกษตรกร เบื้องต้น ที่ ครม. อนุมัติไปเมื่อ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นจำนวน 10 ล้านราย ทางครม. ได้มอบให้กระทรวงเกษตรฯ จัดทำทะเบียนเพื่อส่งมอบให้กับ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ กระทรวงการคลังทำการพิจารณาจ่ายเงินเดือนละ 5 พันบาท 3 เดือน การเยียวยาครั้งนี้ เป้าหมาย ต้องการให้พี่น้องประชาชนได้ก้าวพ้นจากความยากลำบากในช่วงวิกฤติโควิด ต้องการช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ขาดรายได้จริงๆ
เพราะฉะนั้น คนที่มีรายได้ประจำ คนที่ทำงานอยู่และสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ ก็ต้องถือว่า อยู่ในกลุ่มไม่ได้รับผลกระทบมาก จึงต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นมาว่า จะจ่ายให้ใครบ้าง
2.ขั้นตอนการดำเนินงาน
นายเฉลิมชัย ระบุว่า การใช้เงินตรงนี้เป็นเงินภาษีประชาชน การใช้เงินทุกบาทจะต้องโปร่งใสถูกต้องตามระเบียบราชการ เราได้รวบรวมรายชื่อเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนโดยถูกต้อง เบื้องต้นที่เสนอไป 10 ล้านราย เมื่อตรวจความซ้ำซ้อน รวมถึงเกษตรกรที่มีตัวตนอยู่จริง ก็ดำเนินการส่งไปให้คณะกรรมการฯ พิจารณา จำนวน 8.33 ล้านราย เมื่อวันที่ 5 พ.ค.63
ขณะเดียวกัน เราก็มาตรวจสอบความซ้ำซ้อนอีกรอบหนึ่ง ยึดตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการฯ ตั้งขึ้นมา โดยในส่วนของเกษตรกรที่อยู่ใน ประกันสังคม ตามมาตรา 33 กรณี ข้าราชการบำนาญ และผู้ที่ได้รับการเยียวยาจากเราไม่ทิ้งกันไปแล้ว ตรวจสอบแล้วก็ตัดสิทธิตรงนี้ไปอีกประมาณ 5 แสนราย
เท่ากับเหลือตัวเลขที่จะส่งไปให้กระทรวงการคลังประมาณ 7.8 ล้านราย
ในจำนวนนี้ กระทรวงการคลังได้อนุมัติมาแล้ว 6.85 ล้าน เหลืออีกประมาณเกือบ 1 ล้านราย ที่มีเอกสารไม่ครบถ้วน ถูกต้อง รอให้เข้ามาแก้ไข 2 แสนราย ก็ได้ดำเนินการส่งให้กับกระทรวงการคลัง ส่วนอีก 7 แสนรายอยู่ระหว่างรอการอนุมัติ ซึ่งใน 7 แสนรายนี้ ก็รวมเกษตรกรที่เป็นข้าราชการด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะเป็นคนวินิจฉัยคนที่จะมีสิทธิได้รับเงินจากมาตรการเยียวยาตรงนี้ ซึ่งเมื่อคณะกรรมการอนุมัติมา กระทรวงเกษตรฯ ก็จะส่งรายชื่อให้ ธ.ก.ส. เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีตรงไปยังผู้รับการเยียวยาท่านนั้นเลย
3. รายละเอียดการโอนเงิน
นายเฉลิมชัย ระบุว่า ในการขึ้นทะเบียน เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนก่อนวันที่ 30 เม.ย. เราได้ส่งชื่อไปประมาณ 7.8 ล้านราย จาก 8.3 ล้านราย แต่เราเชื่อว่า ยังมีเกษตรกรอีกเป็นจำนวนมากที่อาจจะยังไม่ทราบ หรือถูกตัดสิทธิ์ว่า ไม่ได้เป็นเกษตรกรแล้ว เนื่องจากไม่ได้มายืนยันสิทธิ์ภายในสามปี ไม่ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานแต่ละหน่วยงาน เราจึงได้เปิดให้มีการขึ้นบัญชีเกษตรกรขึ้นใหม่อีกรอบ เมื่อวันที่ 1-15 พ.ค. จากนั้นก็ปิดโครงการ
ส่งผลให้มียอดเกษตรกรที่มายื่นทบทวนสิทธิ์ และที่มายื่นจดทะเบียนใหม่ อีกประมาณล้านรายเศษๆ ซึ่งเป็นกรณีของเกษตรกรที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่แล้ว สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้9 แสนราย และมีเกษตรกรอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นเกษตรกรจริง แต่ยังไม่ได้เพาะปลูกในฤดูกาลนี้เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ฯลฯ ก็ได้มีการรักษาสิทธิ์แก่เกษตรกรกลุ่มนี้ ให้มาลงทะเบียนไว้ก่อน ภายใน 15 พ.ค. โดยการรับรองสิทธิ์ จะยืดไปจนถึง 15 ก.ค. เพื่อให้ทำการเพาะปลูกแล้วไปแจ้งหน่วยงานที่สังกัด โดยกลุ่มนี้มีอีกประมาณแสนเศษนี้ จะได้รับเงินเยียวยาครั้งเดียว คือ 15,000 บาท เกษตรกรที่เข้าโครงการเยียวยาทั้งหมด ทุกคนจะได้รับเงินเยียวยา15,000 บาทเท่ากันทั้งหมด เพียงแต่ระยะเวลาจะทอดยาวไปบ้าง
4. กรณีการยื่นอุทธรณ์
นายเฉลิมชัย ระบุว่า เราเปิดให้เกษตรกรสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ เช่น กลุ่มแรกที่ลงทะเบียนก่อน30 เม.ย. แล้วถูกตัดสิทธิ์ไป ก็สามารถมายื่นอุทธรณ์ได้ในหน่วยงานทั้ง 8 หน่วยงานมายื่นได้จาก 15 พ.ค. – 5 มิ.ย.63
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ขึ้นทะเบียนระหว่าง 1-15 พ.ค. เมื่อเรารวบรวมหลักฐานเสร็จทั้งหมด คนที่โดนตัดสิทธิ์ ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ โดยเรากำหนดเวลาการยื่นอุทธรณ์ชุดที่สอง คือ 31 พ.ค. – 5 มิ.ย.63
5. กรณีเกษตรกรผู้อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33
นายเฉลิมชัย ระบุว่า วัตถุประสงค์ของการเยียวยาครั้งนี้ ตั้งใจช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ว่า บุคคลกลุ่มใดจะได้รับหรือไม่สามารถรับสิทธิ์ในโครงการนี้ได้ คือ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ก็ได้ออกหลักเกณฑ์มา หนึ่งในนั้น คือ เกษตรกรที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา33 ที่จะได้รับการดูแลอยู่แล้ว โดยจะได้รับเงินมากกว่า 5 พันบาทต่อเดือน เพราะฉะนั้น เมื่อมีหน่วยงานของรัฐดูแลอยู่แล้ว โครงการนี้ จึงไม่ได้ให้สิทธิ์ของแรงงานภาคเกษตรที่อยู่ใต้พ.ร.บ.ประกันสังคม ม.33 และกรณีนี้เช่นเดียวกันกัน