จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ลงพื้นที่พบเกษตรกรสมาคมกลุ่มอาชีพชลบุรีชูโครงการประกันรายได้เกษตรกร

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ลงพื้นที่พบเกษตรกรสมาคมกลุ่มอาชีพชลบุรีชูโครงการประกันรายได้เกษตรกร

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 สิงหาคม 2563 ที่สมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี  “อู๊ดด้า”นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  พร้อมด้วยนายไชยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมคณะได้เดินทางมาที่ สมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี เพื่อพบปะกับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่ สมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี

โดยมี นายพายุ เนื่องจำนงค์ คณะทำงาน รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์  “นายกเป้า”นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง นายกสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี นายพิสิษฐ สิริสวัสดินุกูล นายอำเภอบ้านบึง นางอารีรัตน์ สิงห์โตทอง  นายกอบต.หนองอิรุณ “กำนันแจน”น.ส.จุมพิตา สิงห์โตทอง  กำนันต.หนองอิรุณ “รองยุท”นายยงยุทธ สิทธิภาณุวงศ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลต.หนองชาก “กำนันโป่ง” นายคมกริช สิงห์โตทอง อดีตกำนันต.หนองชาก นายวีรวุฒิ สิงห์โตทอง กำนันต.หนองชาก   พร้อมสมาชิกกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี จำนวนกว่า 500 คนคอยต้อนรับและร่วมประชุมในโครงการประกันรายได้เกษตรกร

           นายจุรินทร์ กล่าวว่ากำลังสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจฐานรากคือเกษตรกร รัฐบาลเข้าใจดีว่าวันหนึ่งเกษตรกรจะต้องประสบปัญหาจากเรื่องรายได้  ฉะนั้นนโยบายประกันรายได้เกษตรกรจึงเกิดขึ้น แล้วก็เกิดขึ้นภายใต้นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่านโยบายประกันรายได้เกษตรกรเป็น 1 ใน 3 ข้อที่เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลและเป็นเรื่องที่เป็นข่าวดีที่รัฐบาลได้ยอมรับนโยบายประกันรายได้เกษตรของพรรคประชาธิปัตย์เข้าเป็นนโยบายสำคัญ นโยบายประกันรายได้เกษตรกรดำเนินการมาแล้ว 1 ฤดูกาลผลิตและกำลังจะเริ่มต้นปีถัดไป   ประกันรายได้เกษตรกรไม่ใช่ประกันราคา ประกันรายได้กับประกันราคาไม่เหมือนกัน ราคาประกันไม่ได้เพราะราคาพืชเกษตรแต่ละตัวอยู่กับกลไกการตลาด

เมื่อไรก็ตามพืชผลการเกษตรตัวนั้นผลิตออกมามากล้นตลาด คนต้องการซื้อน้อยราคาก็ตกตามหลักเศรษฐศาสตร์ ถ้าเมื่อไรราคาผลผลิตออกมาน้อย ความต้องการตลาดเยอะ ราคาผลผลิตก็ต้องสูง การผลิตในประเทศไทยก็เป็นไปตามกลไกในประเทศ แต่ถ้าทั้งโลกรวมกันก็เป็นไปตามตลาดโลก แต่ประเทศไทยกับระดับโลกมันเชื่อมกัน ฉะนั้นถ้าในตลาดโลกเป็นอย่างไร ในประเทศก็จะเป็นอย่างนั้น ยกเว้นตัวใดที่เราปลูกแล้วเราไม่ขึ้นตลาดต่างประเทศอันนั้นก็จะขึ้นกับกลไกในประเทศอย่างเดียว แต่ถ้าเราไปบิดเบือนกลไกตลาด เราเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นสมาชิกองค์กรการค้าโลก เพราะฉะนั้นมันจะผิดหลักองค์การค้าโลกที่เราเป็นสมาชิกเราก็จะถูกฟ้องและจะมีผลกระทบในเรื่องการทำผิดกฎและสุดท้ายถ้าถูกลงโทษก็จะกระทบมายังเกษตรกร    

 เพราะฉะนั้นราคาประกันไม่ได้ราคาขึ้นลงอยู่กับตลาดโลก   เราจึงไม่ประกันราคา แต่สิ่งที่ประกันได้คือรายได้ของเกษตรกร   ประกันรายได้คือถ้าไม่มีประกันรายได้เวลาที่นำพืชผลการเกษตรไปขายเกษตรกรจะมีรายได้ทางเดียว คือรายได้จากการเอาพืชไปขาย   ถ้าประกันรายได้จะมีรายได้ 2 ทาง ๆ ที่หนึ่งจากการเอาพืชผลการเกษตรไปขายในตลาดได้มาเท่าไรเอามาใส่กระเป๋าซ้ายไว้ และอีกตัวหนึ่งท่านจะได้จากเงินส่วนต่าง ใครปลูกยางพารา ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกอ้อย  รัฐบาลมีนโยบายแถลงต่อสภาจะประกันรายได้เกษตรกรที่ปลูกพืช 5 ชนิด 1.ข้าว 2.ยาง 3.ปาล์ม 4.มันสำปะหลัง 5.ข้าวโพด แต่ไม่ได้แปลว่าพืชไร่ตัวอื่นรัฐบาลทิ้งอย่างเช่นอ้อย เพราะเรามียาขนานอื่นจะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องอ้อย จะนำปัญหาไปบอกกระทรวงอุตสาหกรรมให้เพราะเขารับผิดชอบดูแลโดยตรง  

แต่ก็ไม่ได้แปลว่าดูเฉพาะ 5 ตัว ผลไม้ สับปะรด เราก็ดูเพียงแต่ใช้ยาคนละตัว  อย่างมันสำปะหลังเราประกันรายได้ที่กก.ละ 2.50 บาท ถ้ามันสำปะหลังราคาลงมาเหลือกก.ละ 2 บาทถ้าไม่มีประกันรายได้ท่านจะมีรายได้แค่ 2 บาท จบ แต่พอมีประกันรายได้เกษตรกรจะมีรายได้ 2 ทาง 1.จากการเอาหัวมันไปขายในตลาดได้กก.ละ 2 บาท 2.รายได้จากส่วนต่าง คิดจากรายได้ที่ประกัน 2.50 บาทเป็นตัวตั้ง เอา 2 บาทมาเป็นตัวลบ ผลต่าง 50 สตางค์รัฐบาลจะเป็นผู้ออกให้โดยเข้าบัญชีธนาคาร ธกส.ที่เกษตรกรไปลงทะเบียนเปิดบัญชีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในโครงการประกันรายได้ไว้

          นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่านโยบายรายได้เกษตรกรในปีผลผลิตที่ผ่านมาได้ดำเนินไปครบถ้วนแล้ว ฤดูกาลต่อไปในปีถัดไปก็ได้เตรียมการต่อไปมีความคืบหน้าเป็นลำดับเป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาฉะนั้นก็จะดำเนินการต่อไปจนกระทั่งเสร็จ สำหรับปีถัดไปมีอยู่ 3ตัวที่ผ่านมติครม.และมีผลบังคับใช้คือมันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ทั้ง 3 ตัวใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ข้าวโพดประกันรายได้กก.ละ 8.50 บาท ไม่เกิน 30 ไร่ ส่วน มันสำปะหลัง ก.ก.ละ 2.50 บาท ปาล์มน้ำมันกก.ละ  4 บาท  สำหรับข้าวกับยางก็รอเข้าสู่การประชุมครม.ในครั้งต่อไป

ธนา ธรรมวาจา / เจียรพรรณ สุรนันท์ ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม