เริ่มปฏิรูปกองทัพ “กลาโหม” เปิดรับข้าราชการพลเรือน มีความรู้เฉพาะด้าน ปี 64
จากการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ระเบียบข้าราชการพลเรือนกลาโหม ซึ่งเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งการบรรจุ การแต่งตั้ง การปรับตำแหน่งเลื่อนขั้นเงินเดือน การบังคับบัญชาวินัย และการออกจากราชการ หรือทุกด้านเกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนกลาโหม ซึ่งจะสอดคล้องกับการปฏิรูปกองทัพ เป็นการลดยศ ลดตำแหน่งของทหาร เพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นข้าราชการพลเรือนกลาโหมให้เพิ่มมากขึ้น โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าควรที่จะมีการออกหลักเกณฑ์หรือกฎกระทรวงต่างๆ หรือพระราชกฤษฎีกาให้ครอบคลุม เพื่อให้มีข้าราชการพลเรือนกลาโหมได้รวดเร็ว
ล่าสุด พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การปฏิรูปกองทัพ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงกลาโหม ได้จัดกลุ่มภารกิจงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และให้น้ำหนักกับภารกิจของภัยจากสงครามรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยได้ปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของทุกเหล่าทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถรองรับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในมิติต่างๆ ที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนในการปฏิรูปกองทัพและส่งเสริมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ให้นำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวและนำข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาบรรจุรับราชการ เพื่อทดแทนการบรรจุกำลังทหารประจำการ
จากการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ระเบียบข้าราชการพลเรือนกลาโหม ซึ่งเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งการบรรจุ การแต่งตั้ง การปรับตำแหน่งเลื่อนขั้นเงินเดือน การบังคับบัญชาวินัย และการออกจากราชการ หรือทุกด้านเกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนกลาโหม ซึ่งจะสอดคล้องกับการปฏิรูปกองทัพ เป็นการลดยศ ลดตำแหน่งของทหาร เพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นข้าราชการพลเรือนกลาโหมให้เพิ่มมากขึ้น โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าควรที่จะมีการออกหลักเกณฑ์หรือกฎกระทรวงต่างๆ หรือพระราชกฤษฎีกาให้ครอบคลุม เพื่อให้มีข้าราชการพลเรือนกลาโหมได้รวดเร็ว
ล่าสุด พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การปฏิรูปกองทัพ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงกลาโหม ได้จัดกลุ่มภารกิจงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และให้น้ำหนักกับภารกิจของภัยจากสงครามรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยได้ปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของทุกเหล่าทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถรองรับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในมิติต่างๆ ที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนในการปฏิรูปกองทัพและส่งเสริมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ให้นำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวและนำข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาบรรจุรับราชการ เพื่อทดแทนการบรรจุกำลังทหารประจำการ