ว๊าวเลยจ้า! สวยและเก่งผู้ช่วยโฆษก ศบค คนล่าสุด…หมอบุ๋ม พรรณประภา

แชร์รัวๆ ภาพสวยๆ เธอเป็นใครหนอ คุณหมอคนสวยนั่นเอง สวยและเก่ง ครบเครื่องจริงๆ นายกฯมอบหมาย ให้ พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข เป็นผู้ช่วยโฆษกฯ ศูนย์ศบค.

โลกโซเชียล ส่งต่อภาพ พร้อมข้อความทั้งเฟสบุคและทวิตเตอร์ ส่งต่อและแชร์รัวๆ ภาพสวยๆ พร้อมคำถามเธอเป็นใครหนอ ซึ่งคุณหมอคนสวยนั่นเองว่ากันว่า ทั้งสวยและเก่ง ครบเครื่องจริงๆ ล่าสุดมีรายงานว่า ท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมาย ให้ พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข มาเป็นผู้ช่วยโฆษกฯ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (ศบค.) เป็นผู้ช่วยโฆษก ศบค. คนใหม่ล่าสุด คุณหมอพรรณประภาหรือ หมอบุ๋ม เป็นอดีตนางสาวไทยประจำปี ๒๕๕๑…

นางสาวพรรณประภา ยงค์ตระกูล เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2531 ปัจจุบันอายุ 20 ปี เป็นคนกรุงเทพมหานคร สัดส่วน 32 – 22 – 35 น้ำหนัก 47 กิโลกรัม ส่วนสูง 169 เซนติเมตร กำลังศึกษาอยู่ที่ชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะเธอมีความมุ่งมั่นอยากจะเป็นสูตินรีแพทย์ในอนาคต พร้อมๆ กับความฝันที่อยากเป็นนางสาวไทยตั้งแต่เด็กๆ เธอเคยเข้าประกวด มิสทีนไทยแลนด์ ประจำปี 2006 เมื่อตอนอายุ 18 ปี และสามารถคว้ารองอันดับ 2 พ่วงรางวัล สาวผิวเนียนใสไร้แผลเป็น หรือ มิสฮีรูดอยด์ปี 2006 มาครองอีกด้วย  โดยเธอให้เหตุผลในการประกวดว่า บุ๋มไม่อยากให้ทุกคนลืมความฝันของตัวเองที่มีมาตั้งแต่เด็ก เราสามารถเรียนไปพร้อมๆ กับทำงานได้ ขึ้นอยู่กับการวางแผนในชีวิตของเราแต่ละคน บุ๋มเข้ามาประกวดเวทีนี้ แต่ไม่ได้หวังว่าจะได้ทำงานในวงการบันเทิง เพราะมิสทีนต้องทำหน้าที่ 1 ปี ซึ่งจะทำให้บุ๋มได้เจอกับคนเยอะ แล้วการจะเป็นแพทย์ที่ดีได้ต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับผู้ป่วยแต่ละคน เราต้องรู้ว่าคนไข้ต้องการอะไร ไม่ใช่การนั่งคุยกับผู้ป่วยเฉยๆ ซึ่งการได้เจอผู้คนมากๆ จะทำให้เราเข้าใจคนหลายๆ กลุ่มด้วย บุ๋มว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อการรักษาผู้ป่วยของบุ๋มด้วย 

หลังจากนั้นน้องบุ๋มก็หันหลังให้กับเวทีการประกวดต่างๆ เพราะอยากกลับไปทุ่มเทให้กับการเรียน จนทราบว่ากำลังจะมีการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2551 เธอจึงตัดสินใจทำตามความฝันของตัวเองอีกครั้ง ด้วยการลองเข้ามาสมัครเพื่อชิงมงกุฎนางสาวไทย 

“การประกวดครั้งนี้เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่รอให้เรียนให้เข้าที่ก่อนจึงมาประกวด แต่ที่มาประกวดไม่ได้คิดว่าจะได้เข้าวงการบันเทิง แต่คิดว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่น่าลอง แล้วฝึกให้เราอดทน มีความสามัคคี ได้เพื่อนใหม่ๆ ที่สำคัญเวทีนี้ไม่ต้องสวมชุดว่ายน้ำอีกด้วย เป็นการให้เกียรติกับคณะที่เราเรียนอยู่ ถึงผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่เสียใจ เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว” 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม