“ผบ.ทร.” เปิดซุ้มประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ใช้งบประมาณจาก การเปิดให้เช่าบูชาวัตถุมงคล “กรมหลวงชุมพร” พระบิดาทหารเรือ จำนวน 20 ล้านบาท
เมื่อวันที่17 สิงหาคม 2563 พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยนาวาเอกหญิง อุบลวรรณ รุดดิษฐ์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ เป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มประตูค่ายกรมหลวงชุมพร หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมด้วยกำลังพลหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินให้การต้อนรับ
ทหารนาวิกโยธิน ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2367 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 มีเกียรติประวัติการรบและช่วยแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ มากมาย ที่สำคัญได้แก่ สงครามอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา ยุทธการบ้านหนองกก จังหวัดจันทบุรี ยุทธการบ้านหาดเล็ก ยุทธการบ้านโขดทราย ยุทธการบ้านชำราก จังหวัดตราด ยุทธการสามชัย จังหวัดเพชรบูรณ์ ยุทธการผาภูมิ จังหวัดเชียงราย ยุทธการกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปัจจุบันทหารนาวิกโยธินยังคงปฏิบัติภารกิจในการป้องกันชายแดนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด การรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยต่าง ๆ โดยปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เป็นไปตามนโยบายของ พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ว่า กองทัพเรือต้องเป็นกองทัพทหารของประชาชน หายใจ เชื่อมใจ และมีชีวิตร่วมกันกับประชาชน สู้เพื่อรับใช้ประชาชน ที่ใดมีศัตรู ที่ใดมีภัยอันตราย ที่นั่นย่อมมีทหารของกองทัพเรือ ให้สมกับคุณค่าที่ส่งมอบให้กับสังคม “กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ”
สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างซุ้มประตูหน่วย เนื่องจากซุ้มประตูเดิมกีดขวางการสร้างขยายถนนสุขุมวิท เพื่อรองรับการจราจรและรองรับปริมาณรถที่จะเพิ่มขึ้น ตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC :Eastern Economic Corridor) ทำให้ต้องมีการรื้อถอนซุ้มประตูเดิมออก
พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จึงมีดำริที่จะจัดสร้างซุ้มประตูทางเข้า-ออก ค่ายกรมหลวงชุมพร หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน โดยได้รับความกรุณาจาก พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางมาสำรวจพื้นที่ที่จะสร้างซุ้มประตูใหม่ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 และให้แนวทาง การก่อสร้างซุ้มประตู ให้มีลักษณะคล้ายป้อมปราการในสนามรบในสมัยโบราณ จึงขอให้กรมช่างโยธาทหารเรือ ดำเนินการเขียนแบบและคำนวณการก่อสร้าง โดยรูปแบบซุ้มประตูมีขนาด ความกว้าง 33 เมตร ความหนา 6 เมตร และมีความสูง 18.6 เมตร ซึ่งมีความกว้างและสูงเพียงพอ ที่จะให้ยานพาหนะรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สามารถผ่านเข้า – ออก ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
โดยในส่วนของรายละเอียด ซุ้มประตูนั้น มีเครื่องหมายความสามารถพิเศษ หลักสูตร การลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกและจู่โจม หรือที่เรียกกันว่า “Recon” ติดตั้งนามค่าย และคำขวัญที่ทหารนาวิกโยธินทุกนาย ได้รับการปลูกฝังลงในจิตใจ ที่ว่า “กาย ใจ ชีวิต มอบเป็นราชพลี” “เมื่อรบ ต้องชนะ” และ “นำดี ตามดี”
ในส่วนด้านบนของซุ้มประตู ติดตั้งกลอง 3 ใบ ที่จำลองมาจาก ซุ้มประตูค่ายทหารในสมัยโบราณ ได้แก่ กลองย่ำพระสุริย์ศรี ที่ใช้ตีบอกเวลา กลองอัคคีพินาศ ที่ใช้ตีเพื่อแจ้งเหตุไฟไหม้ และกลองพิฆาตไพรี ที่ใช้ตีเมื่อเกิดศึกสงคราม เป็นความหมายถึง การป้องกันภัยร้ายต่าง ๆ ไม่ให้กล้ำกรายมาสู่ กำลังพลและผู้พักอาศัยในค่ายกรมหลวงชุมพรแห่งนี้ ทั้งนี้ ซุ้มประตูใหม่ ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินแห่งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นปราการด่านแรกในการเข้าสู่พื้นที่ค่ายกรมหลวงชุมพร จะได้แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งความแข็งแกร่งและสื่อถึงการปฏิบัติภารกิจของทหารนาวิกโยธินที่ได้รับใช้ผืนแผ่นดินไทยอย่างเสียสละตลอดมา
โดยในส่วนของการดำเนินการก่อสร้างนั้น ได้ใช้กำลังพลของกองพันทหารช่าง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินเป็นหลัก ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายดำเนินการก่อสร้างได้เป็นจำนวนมาก โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการจัดสร้าง รวมถึงการปรับภูมิทัศน์บริเวณพื้นที่โดยรอบ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 20 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่ดำเนินการนั้น ไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด แต่มาจากการเปิดให้เช่าบูชาวัตถุมงคล พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือ ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น ซึ่งมีกำลังพลตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาในองค์บิดาของทหารเรือไทย ให้ความสนใจเช่าบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงร่วมบริจาคในการสร้างซุ้มประตูเป็นจำนวนมาก ทำให้การดำเนินการต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
“กองทัพเรือขอให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ว่า ยุทโธปกรณ์และโครงการต่าง ๆ ที่กองทัพเรือดำเนินการ จะมีคุณค่าสมกับราคา เป็นที่เชื่อมันและภาคภูมิใจร่วมกับกองทัพเรือให้สมกับเจตนารมณ์ที่กองทัพเรือตั้งปณิธานในการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคมที่ว่า เป็นกองทัพที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ”