ตำรวจกองปราบยังคงเร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี “แม่ปุ๊ก” ที่เป็นผู้ต้องสงสัยในการให้ลูกกินสารพิษ เพื่อให้มีอาการป่วย และขอรับเงินบริจาค ตำรวจได้ส่งหลักฐานไปตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เกือบครบแล้วและสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง มีการแบ่งเจ้าหน้าที่ในการทำคดี
กรณี น.ส.นิษฐา (สงนนามสกุล) หรือ แม่ปุ๊ก ผู้ที่ต้องเป็นผู้ต้องสงสัยว่าวางยา น้องอมยิ้ม วัย 4 ขวบ ลูกบุญธรรม และ น้องอิ่มบุญ วัย 2 ขวบ ลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊ก เพื่อรับขอเงินบริจาคและขายสินค้าเกินราคาต่าง ๆ ซึ่งต่อมาทางตำรวจกองปราบได้จับกุมตัวแม่ปุ๊กในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” และแจ้ง แจ้งข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” เพิ่มเติม
ความคืบหน้าวันนี้ ที่ กองปราบปราม พันตำรวจเอก ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ กองกำกับการ 4 กองปราบปราม ได้เรียกคณะทำงานในคดีนี้มาร่วมประชุมวางแนวทางในการสืบสวนและสอบสวน โดยขณะนี้ได้ส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี เช่น ภาชนะ อุปกรณ์ต้องสงสัยต่าง ๆ ที่เก็บได้ในบ้านของแม่ปุ๊กไปตรวจสอบหาสารที่คาดว่ามีความเชื่อมโยง พร้อมรอผลการตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าน้องอิ่มบุญนั้นเป็นลูกที่แท้จริงของแม่ปุ๊กตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้นก็ยังคงดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาว่ายอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน นั้น ถูกยักย้ายโอนไปให้ใครบ้าง
ข้อสงสัยที่ว่าเงินบริจาคจำนวนมากขนาดนั้นทำไมการใช้ชีวิตและที่อยู่อาศัยของแม่ปุ๊กขัดแย้งกับเงินเหล่านั้น หรือว่าเงินบริจาคนั้นถูกแบ่งไปให้ใครหรือไม่
ส่วนการสอบปากคำแม่เอม แม่แท้ ๆ ของน้องอมยิ้มที่เสียชีวตไปก่อนหน้า นั้น ก็ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกือบครบแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อพิรุธกับกับให้การของแต่ล่ะคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ทั้งนี้แม่เอม ได้หายออกไปจากบ้านพัก นั้น ทางตำรวจยืนยันว่ายังสามารถติดต่อได้ ซึ่งคาดว่าที่หายไปจากย้านพักเนื่องจากมีผู้สื่อข่าวบางสำนักไปก่อกวนบริเวณหน้าบ้านจึงทำให้เกิดความเครียด
ในคดีนี้ดีเอ็นเอของน้องอิ่มบุญ จะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไขปมข้อสงสัยหลายอย่าง เนื่องจากหากน้องอิ่มบุญไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊กคดีนี้จะมีน้ำหนักมากและมูลเหตุแรงจูงใจให้ก่อเหตุ รวมไปถึงการทำเป็นขบวนการค้ามนุษย์
อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่าใครเป็นผู้เอาสารพิษเข้าสู่ร่างกายเด็กทั้ง 2 คน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะใช้หลักฐานในหลายส่วนมาประกอบการพิจารณาคดี เช่น คำให้การ เส้นทางการเงิน ผลดีเอ็นเอจากหลักฐานที่เก็บได้ในบ้านที่เกิดเหตุ