สุรินทร์ ชาวบ้านประท้วงไม่พอใจ! ออป.ถางป่าปลูก ‘ยูคา’ เหมือนปิดช่องทางทำกิน

สุรินทร์-ชาวอำเภอท่าตูม ลุกฮือ! ประท้วง ออป.เข้าถางป่าปลูก ‘ยูคา’ อ้างเป็นพืชเศรษฐกิจหวังสร้างรายได้เข้าชุมชน ตัดอาชีพหาของป่าขายของชาวบ้าน

เวลา 09.00 น. เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ นายพีรพงษ์ พรมหบุตร อดีตครูเกษียณ และชาวบ้าน ตำบลหนองบัว ,ตำบลบัวโคก ,ตำบลท่าตูม กว่า 100 คน เดินทางมาชุมนุมปราศรัยเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อนาย รองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอท่าตูม จากกรณีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีเจ้าหน้าที่จาก ออป.(องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัด) ได้เข้ามาแผ้วถางป่าเขาพนมดิน บริเวณบ้านหมากมี่ หมู่ที่ 3 ต.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเรียกกันว่าป่าเขาพนมดินแปลงที่1 เป็นบริเวณกว้างไม่ต่ำกว่า 500 ไร่ เพื่อทำการปลูกเป็นป่ายูคาลิปตัสแทน โดยอ้างว่าเป็นพืชเศรษฐกิจสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้

ซึ่งมีนาย บรรยง บุญญโก หัวหน้าฝ่ายจัดการสวนป่าองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้อธิบาย ชี้แจงให้ชาวบ้านได้รับทราบว่า ทาง ออป.ได้ขอใช้พื้นที่ดังกล่าวจากป่าไม้ในพื้นที่ตั้งแต่ พ.ศ.2548 เพื่อใช้ในกิจกรรมขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้

แต่จากการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเกิดความไม่พอใจ จึงได้นัดรวมตัวชุมนุมและเรียกร้องให้นายอำเภอหาข้อยุติและแก้ไขปัญหา

ต่อมา นายสุวพงษ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางมามอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนที่ยากจนในพื้นที่ 5 อำเภอ ที่หอประชุมอำเภอท่าตูม ทางแกนนำและผู้ร่วมชุมชุมจึงได้เข้าพบและรายงานให้กับทางผู้ว่าฯ ทราบ กับท่านผู้ว่าและรายงานให้ท่านผู้ว่าทราบและนำเสนอข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
1.ให้ ออป. ยุติโครงการการปลูกต้นยูคาในพื้นที่ดังกล่าว
2.ให้ ออป.คืนผืนป่าบริเวณดังกล่าวให้กับกรมป่าไม้คืน
3.ขอให้ป่าไม้มอบคืนผืนที่ป่าดังกล่าวให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อทำเป็นป่าชุมชน

นายสุวพงษ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ จึงได้มอบหมายให้นาย รองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอท่าตูม นำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงพื้นที่จริงเพื่อหาทางแก้ไขและยุติปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว

สำหรับ ป่าเขาพนมดินแปลงที่ 1 มีพื้นที่ ครอบคลุม 3 ตำบล คือตำบลหนองบัว ,ตำบลบัวโคก และตำบลท่าตูม โดยมีเนื้อที่ราว 1.1 หมื่นไร่ โดยชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าดังกล่าวด้วยการหาเก็บของป่ามาประทังชีวิต และจำหน่าย เป็นอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวได้.

ภาพ-ข่าว สุทิศ บุญยืน ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม