สุรินทร์ : ลุงวัย 58 ขับ จยย.ฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวกราก..ก่อนถูกพัดจมหาย

วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 07.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกกระแสน้ำท่วมทางพัดจมหายไปกับกระแสน้ำ ระหว่างกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่ากระแสน้ำที่ท่วม และกำลังไหลพาดถนนอย่างเชี่ยวกราก บนเส้นทางระหว่าง บ.หนองคู-นาโต๊ะ ต.สะดาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จึงประสานทีมปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำ ประกอบด้วย อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท,อาสากู้ภัยตาดาน อ.สังขะ,ทีมตอบโต้ภัยพิบัติสระแสน้ำเชี่ยว,ทีมกู้ภัยทางน้ำเด็กสมบูรณ์ จ.สุรินทร์,อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.บัวเชด,อาสากู้ภัยสว่างประทีป อ.ศรีราชา,อาสากู้ภัยสว่างสังขะ สุรินทร์,อาสาวีอาร์กู้ชีพ จุด อ. ศรีณรงค์ และทีมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย อบต.สะกาด ลงพื้นที่ประชุมวางแผนก่อนลงค้นหา เนื่องจากจุดดังกล่าวมีนำไหลเชี่ยวอย่างมาก

ทีมปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำ ได้นำอุปกรณ์เครื่องมืดชุดค้นหาใต้น้ำเดินฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวข้ามถนนดังกล่าว ที่มีระยะทางน้ำท่วมกว่า 250 เมตร ก่อนจะใช้เชือก เตรียมวางระบบเชือก ค้นหา พร้อมส่งนักประดาน้ำลงไปสำรวจเศษวัชพืชแต่ระหว่างควานหาวัชพืชกลับไปพบร่างติดอยู่กับต้นไม้ดังกล่าวพอดี ในช่วงเวลาประมาณ 11.15 น. ซึ่งจมศพอยู่ห่างจากถนนไปประมาณ 20 เมตร รวม ใช้เวลาในการค้นหาศพประมาณ 20 นาที ก็พบศพจมติดคาอยู่กับกอของต้นไม้ดังกล่าว รวมจมน้ำนานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะพากันนำร่างขึ้นมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายประเทือง อายุ 58 ปี เป็นชาวบ้านสหมิตรพัฒนา ต.สะกาด อ.สังขะ ขณะที่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตติดอยู่กับมองดักปลาข้างถนนดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านได้นำออกจากพื้นที่ไปแล้วตั้งแต่เช้า ท่ามกลางชาวบ้านที่มายืนมุงดูหลายร้อยคน ขณะที่ภรรยาผู้ตายและลูกสาวก็ไม่ติดใจถึงสาเหตุการณ์ตาย ก่อนจะรอให้แพทย์เวร รพ.สังขะเข้ามาตรวจชันสูตรศพก่อนส่งมอบศพให้ครอบครัวนำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

สำหรับกระแสน้ำท่วมดังกล่าวเป็นมวลน้ำสะสมที่ไหลลงมาจากเทือกเขาพนมดงรักชายแดนไทย-กัมพูชาและจากหลายพื้นที่ หลังจากพายุโนรู ทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ จ.สุรินทร์หลายวัน แม้พายุจะพัดผ่านไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยงมีมวลน้ำสะสมไหลลงมาสมทบ ทำให้เกิดน้ำท่วมอยู่ แม้ระดับน้ำท่วมจะลดลงจาก 1-2 วันที่ผ่านมาแล้วก็ตาม

นายสุวรรณ เหลือดี ผญบ.สหมิตรพัฒนา ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อช่วงเช้า ตนจะมาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านที่สัญจรไปมาทุกวัน เพื่อไม่ให้มีคนขับรถฝ่ากระแสน้ำเพราะอันตราย ระหว่างนั้นผู้ตายก็ขับรถมาจอดอีกฝั่ง ตนตะโกนและยกมือว่าไม่ให้ข้ามมา ไม่นานผู้ตายก็ขับขี่รถฝ่ากระแสน้ำจนมาถึงกลางทาง ตนก็รีบวิ่ง่ฝ่ากระแสน้ำไปห้ามและไปช่วย แต่ยังไปไม่ถึงก็พบว่ารถจักรยานยนต์ของผู้ตายล้ม และพัดผู้ตายลไปกับกระแสน้ำเชี่ยวต่อหน้าต่อตา เห็นแต่หัวผู้ตายกำลังยกมือขอความช่วยเหลือ ตนคาดผู้ตายคงจะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็สายไปเสียแล้ว ตนไปช่วยไม่ทัน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและประสานหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยค้นหาร่างดังกล่าว.

ภาพ-ข่าว นพรัตน์ กิ่งแก้ว ผู้สื่อข่าวจังหวัดสุรินทร์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม