“กองทัพบก” เข้มดูแล 11 พื้นที่สถานกักกัน เตรียมรับมือมาตรการผ่อนคลายของรัฐ
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2563 มีรายงานข่าวว่า กองทัพบกยังคงสนับสนุนรัฐบาลและช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจการช่วยคัดกรองการผ่านเข้าประเทศตามท่าอากาศยานและด่านชายแดน รวมทั้งการดูแลพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ซึ่งกองทัพบกได้มอบหมายให้โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกและกองพันทหารเสนารักษ์รับผิดชอบ ภายใต้การบริหารจัดการของกรมแพทย์ทหารบก และศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 กองทัพบก
โดยมีการจัดชุดคัดกรอง,ชุดปฐมพยาบาล และชุดรักษาความปลอดภัยจากหน่วยทหาร เข้าปฏิบัติงาน เพื่อดูแลผู้ที่เข้ารับการกักตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 63 ปัจจุบันยังคงรับผิดชอบ State Quarantine จำนวน 11 แห่ง เป็นพื้นที่ใน กรุงเทพมหานคร 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเดอะภัทรา พระราม9 และโรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิท (โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า) ส่วนในพื้นที่ จ.ชลบุรี 9 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน (โรงพยาบาลค่ายนวมินทราชินี), โรงแรมเบฟเวอร์ลี่ พัทยา (โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี), โรงแรมเลอบาหลี (โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์), โรงแรมจอมเทียน ฮอลิเดย์พัทยา (โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์/กองพันเสนารักษ์ที่ 2), โรงแรมไบรท์ตัน แกรนด์ (โรงพยาบาลค่ายสุรนารี/กองพันเสนารักษ์ที่ 22), โรงแรมจอมเทียน ปาล์มบีช (โรงพยาบาลอนันทมหิดล), โรงแรมแกรนด์เบลล่า (กองพันเสนารักษ์ที่ 1), โรงแรมเมอคิว พัทยา ( โรงพยาบาลสมเด็จฯ ณ ศรีราชา)
และ พื้นที่ล่าสุด แห่งที่ 11 คือ โรงแรมชลจันทร์พัทยาบีช ซึ่งจะเริ่มเปิดรับผู้กักตัวในวันนี้(13 มิ.ย.63)เป็นครั้งแรก
โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 63 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เข้ารับกักตัวในพื้นที่ควบคุมแห่งรัฐที่กองทัพบกรับผิดชอบ ยอดสะสม 9,044 คน และ ณ วันที่ 12 มิ.ย.63 ยังคงพักอยู่ 3,434 คน
สำหรับการบริการส่วนใหญ่ยังคงเป็นการเฝ้าระวังโรค การรักษาพยาบาลเบื้องต้นและการส่งต่อ รวมทั้งการดูแลความปลอดภัยโดยรอบของสถานที่
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 4 รวมถึงการเตรียมการป้องกันโรคในระยะยาว สำหรับกองทัพบกได้มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบกเตรียมบุคลากรจากโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก กองพันทหารเสนารักษ์ และชุดรักษาความปลอดภัย พร้อมสนับสนุน State Quarantine รองรับการเปิดประเทศและสอดคล้องกับมาตรการป้องกันโรคของรัฐ
