แม่หวั่นไม่ปลอดภัย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังลูกชายติดคุก 35 ปี ในคดีข่มขืน ด.ญ. แต่คดีเดียวกัน ร.ต.อ. 3 ปียังลอยนวล

แม่หวั่นไม่ปลอดภัย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังลูกชายติดคุก 35 ปี ในคดีข่มขืน ด.ญ. แต่คดีเดียวกัน ร.ต.อ. 3 ปียังลอยนวล

แม่หวั่นไม่ปลอดภัย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังลูกชายติดคุก 35 ปี ในคดีข่มขืน ด.ญ. แต่คดีเดียวกัน ร.ต.อ. 3 ปียังลอยนวล

ผู้สื่อข่าวรานยงานความคืบหน้า กรณีแม่ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ลูกชายกับ ร.ต.อ. โดนคดีข่มขืน “เด็กหญิง” คนเดียวกัน ลูกชายติดคุก 35 ปี แต่ ร.ต.อ.ผ่านไป 3 ปียังลอยนวล วอนย้ายสารวัตรใหญ่และ ร.ต.อ. ออกนอกพื้นที่ก่อน หวั่นไม่ปลอดภัย

เมื่อวันที่ (19 กรกฎาคม 2563) ที่ผ่านมา จากกรณีที่ เมื่อวันที่ (8 ก.ค.2563) นางมะลิวัลย์ เพชรหงษ์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 10 ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ และญาติได้เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.ถวาย บูรณรักษ์ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ ให้กับลูกชาย พร้อมกับร้องเรียน ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ดอนแรด จ.สุรินทร์ ได้กระทำความผิดฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันควรเพื่อการอนาจาร และพาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร”

ซึ่งเรื่องนี้ เริ่มจากลูกชายของนางมะลิวัลย์ เพชรหงษ์ คือนายณัฐพล กับ ด.ญ.ดาว (นามสมมติ) รักกัน และได้ไปตกลงกับแม่ของ ด.ญ.ดาว แล้วว่าจะสู่ขอ แต่ระหว่างที่รอเงินให้ครบนั้นทางแม่ของ ด.ญ.ดาว ไม่ยอมรอ ได้ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับลูกชายของนางมะลิวัลย์ ระหว่างทำการสอบสวนคดีนี้ เมื่อวันที่ 19, 20 และวันที่ 23 ส.ค. 2560 ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ ได้ไปรับตัว ด.ญ.ดาว เพื่อพาไปชี้ที่เกิดเหตุที่ถูกนายณัฐพล กระทำชำเรา โดยแม่ไม่ได้ไปด้วย

ทั้งนี้ มีหลักฐาน และคำกล่าวหาว่า ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ ได้พา ด.ญ.ดาว ไปกระทำชำเรา ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ แล้วแต่เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี คดีไม่คืบหน้า

โดยล่าสุด เมื่อวันนี้ 19 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. นางมะลิวัลย์ เพชรหงษ์ อายุ 63 ปี (แม่ของเยาวชนชาย) นายธนาภิวัฒน์ ทาทอง อายุ 46 ปี (พี่ชาย) นายสุพิศ เพชรหงส์ อายุ 53 ปี (น้าชาย) อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ที่ 10 บ้านโนนจำปา ตำบลธาตุ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางมาพบพันตำรวจเอกสุทธิพงศ์ สุขเพิ่ม ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้เดินทางมาสอบสวนด้วยตนเองที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอรัตนบุรี  ซึ่งนางมะลิวัลย์ เพชรหงษ์ ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อจเรตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้เมื่อเดือน มิถุนายน 2563 กรณีที่ลูกชาย กับ ร.ต.อ. โดนคดีข่มขืน “เด็กหญิง” คนเดียวกัน ซึ่งลูกชายถูกศาลตัดสินจำคุก 35 ปี แต่ ร.ต.อ.ผ่านไป 3 ปี ยังลอยนวลตามที่สื่อได้นำเสนอไปแล้ว

นางมะลิวัลย์ เพชรหงส์ และนายธนาภิวัฒน์  ทาทอง(ลูกชาย) กล่าวว่า หลังจากตนได้ร้องเรียนไปที่จเรตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจได้สั่งให้มีการตั้งกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการนั้น ตนเห็นว่าไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด โดยเฉพาะประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริงคือพันตำรวจโทวรพงศ์ มดทอง ตำแหน่งสารวัตรใหญ่ สภ.ดอนแรด มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ไม่เป็นธรรม ช่วยเหลือลูกน้องที่กระทำความผิดร้ายแรง บังคับ ขู่เข็นตนให้ยอมความและให้ถอนเรื่องที่ร้องเรียน ทั้งยังชีนำพยานให้ปฎิเสธข้อเท็จจริงและอีกหลายๆอย่างที่ตนเชื่อว่ากรรมการตรวจสอบนี้ตรวจสอบไม่เป็นธรรมกับตน

นายธนาภิวัฒน์ ทาทอง ได้กล่าวภายหลังการสอบปากคำว่า พันตำรวจเอกสุทธิพงศ์ สุขเพิ่ม ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ก็รับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้ให้จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการเรียกพยานตามคำกล่าวโทษร้องเรียนมาสอบปากคำ แล้วท่านจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง คือประเด็นที่มาในวันนี้คือหนังสือร้องเรียนที่เคยร้องเรียนไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ ภ.จว.สุรินทร์ ให้พิจารณาทัณฑ์ทางวินัย ของสารวัตรใหญ่ สภ.ดอนแรด ซึ่งได้ทราบว่าท่านเข้ามายุ่งกับพยาน ซึ่งวันนี้ก็ได้มอบหลักฐานเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเดินทางมาให้การ สอบปากคำของ 2 แม่-ลูก(ผู้เสียหาย) ที่ สภ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทั้งสารวัตรใหญ่และ ร.ต.อ.คู่กรณีดังกล่าว ได้เรียก 2 แม่-ลูก เข้าไปที่ สภ.ดอนแรด ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเรียกไปทำไม สาเหตุใด แต่ก็เพื่อความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีที่แม่กล่าวโทษ ร้องเรียนไว้ในครั้งก่อน ตนก็ได้ร้องขอให้ พันตำรวจเอกสุทธิพงศ์ สุขเพิ่ม ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้กรุณาย้ายสารวัตรใหญ่ สภ.ดอนแรด และ ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ดอนแรด ออกจากพื้นที่ก่อน เพื่อการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม

นายธนาภิวัฒน์ ทาทอง ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ไปร้องครั้งที่ 2 เพราะว่า ครั้งแรกที่แม่ของตนร้องไปเพราะมีหนังสือตอบกลับมาจาก ภ.จว.สุรินทร์ ว่า ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ ไม่ได้กระทำความผิดตามที่แม่กล่าวหาไป ซึ่งการที่ร้องไปครั้งนั้น ทางภูธรภาคก็ส่งเรื่องกลับมาที่ สภ.ดอนแรด ให้คู่กรณีนั้นเป็นคนสอบสวน สอบสวนตัวเอง สำนวนเป็นของตัวเอง โดยสรุปว่าไม่ผิด แล้วก็ตีกลับไปที่ ภูธรภาค ภูธรภาคก็มีหนังสือกลับมาว่า ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ ไม่ได้มีความผิดตามที่กล่าวหา ซึ่งที่ร้องไป ได้ร้องไปที่จเรตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา ซึ่งพนักงานสอบสวนก็คือ คู่กรณีที่แม่ไปร้องเรียนกับจเรตำรวจที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 คือสารวัตรใหญ่ เป็นผู้สอบ ร่วมกับ ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ ซึ่งตอนนี้ตนรู้สึกไม่สบายใจเพราะ คู่กรณี เป็นคนตรวจสอบเอง เป็นคนสอบเอง ทำเอกสาร/สำนวนเองทุกอย่าง แล้วก็ตีกลับไป ซึ่งมันไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน ใครจะมาทำให้ตัวเองมีความผิดหล่ะ ซึ่งความต้องการสูงสุดตอนนี้คือ อยากให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.ท.วรพงศ์ มดทอง สารวัตรใหญ่ สภ.ดอนแรด และ ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ จงจำ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้านวินัยขึ้นมา แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้ย้าย 2 ท่านนี้ออกจากพื้นที่ก่อน เพื่อความเป็นธรรมในการสอบสวน เพราะว่าถ้า 2 ท่านนี้ยังอยู่ในพื้นที่อยู่ ตนมั่นใจว่าคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่นอนตอนนี้ตนก็รู้สึกหวั่นใจในความปลอดภัยมาก ซึ่งครอบครัวของตนก็อยู่ไม่ไกลจาก สภ.ดอนแรด ซึ่งตอนนี้ ทั้งสารวัตรใหญ่ กับ ร.ต.อ.คนนี้ก็มีอำนาจหน้าที่เต็มในท้องที่ ซึ่งตนก็เป็นห่วงด้านความปลอดภัยหากทั้ง 2 ยังอยู่ในพื้นที่

ภาพ/ข่าว สุรเดช เหลาคำ / สุทธิศักดิ์ สอนกล้า ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม