หอยสังข์ยักษ์ กลายเป็นหอยยักษ์ที่ส่งขายได้กิโลกรัมละ 950 บาทและมีไม่พอขาย
หอยสังข์ยักษ์ หอยใหญ่แห่งเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งแต่เดิมเป็นหอยที่ไม่นิยมนำมาบริโภค ชาวประมงจึงมักทุบทิ้งเพราะมีความแหลมคม ทำให้อวนขาดด้วยขนาดและน้ำหนักที่มาก แต่สุดท้ายมีชาวบ้านคนหนึ่งเห็นคุณค่าและรับซื้อมาแปรรูปจนกลายเป็นหอยยักษ์ที่ส่งขายได้กิโลกรัมละ 950 บาทและมีไม่พอขาย
ที่ร้านจะไหนซีฟู๊ด ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ช่วงนี้มีเมนูหอยสังข์ยักษ์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังเกาะลิบง ซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน โดยลูกค้าหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยรับประทาน นางอนัญญา เบ็ญสอาด(จะไหน) เจ้าของร้านวัย 49 ปีจะนำมาให้ชิมฟรีพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ด ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งแต่เดิมนั้นหอยสังข์ยักษ์ไม่ได้ถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารเหมือนในปัจจุบัน เพราะมีเนื้อเหนียว เคี้ยวยาก มีความแหลมคมตรงส่วนปลาย มีน้ำหนักที่มาก บางตัวน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม เมื่อติดอวนของชาวประมงพื้นบ้าน ก็มักจะถูกทุบทิ้งและโยนลงทะเล เพราะทำให้อวนของชาวประมงขาดวิ่น
จะไหนซึ่งเคยรับประทานมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อมีโอกาสเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง จึงคิดนำเนื้อหอยสังข์ยักษ์มาทำให้นุ่ม หอมและมีรสหวานตามธรรมชาติ คิดสูตรอยู่นานจึงนำออกมาขายได้ โดยผ่านกรรมวิธีการต้มนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะนำสับปะรดมาใส่และต้มต่อไปอีก 2-3 ครั้ง ๆ ละ 20 นาที จึงจะได้เนื้อหอยสังข์ยักษ์ที่นุ่มหอม นำมาสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ เสริฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดฉบับชาวเกาะ ขายผ่านโลกออนไลน์ได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 950 บาท แต่หากนักท่องเที่ยวไปกินที่ร้านจะไหน ราคาอยู่ที่จานละ 100-150 บาทเท่านั้น ซึ่งตอนนี้มียอดสั่งซื้อไม่พอกับความต้องการของลูกค้า เพราะหาไม่ได้ทุกวัน และเป็นช่วงน้ำขึ้นน้ำลง จึงต้องตระเวนรับซื้อมาสะสมไว้วันละ 1-2 ตัวเท่านั้น ส่วนเปลือกหอยสังข์ยักษ์นำมาขัดถูให้เงางาม ส่งขายได้อีกตัวละ 100-400 บาทด้วย
โดยนางอนัญญา เบ็ญสะอาด เจ้าของร้านจะไหนกล่าวว่า ถ้าส่งกรุงเทพจะต้มตุ๋นจนเนื้อนิ่มแล้วสไลด์ทำเป็นแพ็คส่งขายกิโลกรัมละ 950 บาท ซึ่งผลตอบรับดีมาก มีเท่าไหร่ไม่พอ เพราะหาไม่ได้ทุกวันมันเป็นช่วงน้ำด้วย ส่วนเปลือกหอยนำมาแปรรูปขายได้อีกต่อ ซึ่งใครมาเกาะลิบงก็แวะที่ร้านจะไหนได้เลย ซึ่งอาจจะสลับกัน 7 วันเป็นน้ำอวนปูหรือน้ำหอยชักตีน นักท่องเที่ยวก็ต้องลุ้นเอาว่ามาตรงกับช่วงน้ำใด
ถนอมศักดิ์ จ.ตรัง
