สุดอนาถชีวิตคนไทย!! “ยายแอ๊ด”หญิงชราผู้น่าสงสารถูกตะเพิดขับไล่ไม่ให้ทำเพิงพักซุกหัวนอนหน้าบ้านเช่าร้าง
อนาถชีวิต“ยายแอ๊ด”หญิงชราผู้น่าสงสารถูกตะเพิดขับไล่ไม่ให้ทำเพิงพักซุกหัวนอนหน้าบ้านเช่าร้าง-แฉหลังตกเป็นข่าวแทนที่หน่วยราชการจะช่วยเหลือกลับกดดันให้ไปอยู่บ้านพักคนชรา
จากกรณีที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับการร้องเรียนขอความช่วยเหลือ นางสมปรารถนา กลั่นมาลัย หรือ “หรือยายแอ๊ด” อายุ 71 ปี ที่ขออาศัยซุกหัวนอนในซอกขนาด 1.5 x 2 เมตรหน้าห้องเช่าเลขที่ 4/475 ภายในหมู่บ้านการเคหะชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งในจุดดังกล่าวมีห้องเช่าอยู่ 2 ห้องเลขที่ 4/474 และ 4/475 ทั้ง 2 ห้องไม่มีคนอยู่ และเจ้าของห้องได้ล็อคกุญแจด้านหน้าอย่างแน่นหนา และจากการตรวจสอบพบว่านางสมปรารถนา หรือ “ยายแอ๊ด” ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เนื่องจากหลบหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 12 ปี ก่อนจะมาได้สามีชาวนครศรีธรรมราช และล่าสุดเช่าห้องเลขที่ 4/474 อยู่อาศัยกับสามีซึ่งมีอาชีพขายวุ้น แต่สามีล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งตับเสียชีวิตเมื่อปี 2557 ทำให้คุณยายแอ๊ดซึ่งไม่มีลูกหลานหรือญาติ ๆเลย และไม่สามารถหาเงินค่าเช่าห้องเดือนละ 1,500 บาทได้ จึงต้องออกจากห้องเช่าและขอทำเพิกพักอาศัยซุกหัวนอนอยู่หน้าห้องเช่าเลขที่ 4/475 ใกล้ ๆ กับห้องเลขที่ 4/474 อย่างน่าเวทนาสงสารเพราะมีสภาพยิ่งกว่าสุนัขหรือแมวจรจัดเสียอีก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
(8 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้ามของบ้านเช่าร้างที่ยายแอ๊ดทำเพิกพักซุกหัวนอนหน้าบ้านได้เดินทางมาพบนายแอ๊ด พร้อมแจ้งให้ทราบว่าขอให้ยายแอ๊ดขยับขยายไปหาที่อยู่ใหม่ เนื่องจากจะขายบ้านหลังดังกล่าวโดยเจ้าของบ้านใหม่ไม่อนุญาติให้ยายแอ๊ด ทำเพิกพังซุกหัวนอนหน้าบ้านอีกต่อไป ทำให้ยายแอ๊ด ต้องก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวงของเคร่าองใช้ไม่กี่ชิ้นออกจากจุดดังกล่าวและไปขอเพื่อนบ้านคนที่อนุญาติให้ยายแอ๊ดมาอาบน้ำที่ก๊อกน้ำหน้าบ้านอยู่อาศัยซุกหัวนอนชั่วคราว พร้อมแจ้งให้นายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้นทราบ
นายไพฑูรย์ อินทศิลา กล่าวว่า ตั้งแต่ตนและนางลัลน์ลลิตฤดี วิเศษศิริ นายกสมาคมสมาพันธ์นักข่าวแห่งประเทศไทย เดินทางมาเยี่ยมและช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมนำเสนอข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง โดยมีผู้ใจบุญทั่วประเทศแจ้งความประสงค์ที่จะช่วยเหลือยายแอ๊ด แต่ตนขอให้รอเอาไว้ก่อนเพราะต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยประสานงานเรื่องการทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ยายแอ๊ด และจะได้นำยายแอ๊ดไปเปิดบัญชีธนาคารและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวจ้องเพื่อขึ้นทะเบียนรับเบี้ยยังชีพคนชรา และสิทธิอื่น ๆ แต่จนถึงขณะนี้กลับไม่มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือยายแอ๊ดในเรื่องการค้นหาเอกสารหลักฐานและทำบัตรประชาชน
“มีเพียงบางหน่วยงานที่เข้าไปบีบบังขับ กดดันเพทื่อให้ยายแอ๊ดยินยอมไปอยู่บ้านพักคนชราหรือบ่านพักฉุกเฉิน ทั้ง ๆ ที่ยายแอ๊ดยืนยันจะไม่ไปอยู่ในสถานที่ดังกล่าวเพราะมีความผูกพันธ์กับหมู่บ้านการเคหะชุมใชนดังกบล่าว เนื่องจากเคยอยู่อาศัยกับสามีและเมื่อสามีเสียชีวิตได้สั่งเสียไว้ว่าให้ยายแอ๊ดอยู่ในหมู่บ่าทนเดิม อย่าหนีไปไหนเพราะวิญญาณของสามีจะวนเวียนอยู่ด้วนยกันตลอดเวลา”
ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่าเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ สรุปว่าประชาชนจะหวังพึ่งหรือจอความช่วยเหลือจากภาครัฐใด ๆ ไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไร ในวันสองวันนี้ตนจะเดินทางไปหาบ้านเช่าในหมู่บ้านการเคหะ ฯเพื่อเช่าให้ยายแอ๊ดอยู่อาศัยชั่วคราว ระหว่างการประสานงานติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนหน้านี้มีผู้ใจบุญชื่อ “คุณสุมิตตา” จากกรุงเทพ แจ้งความประสงค์จะออกค่าเช่าบ้านให้ทุกเดือน ๆ ละ 1,500 บาทจนกว่ายายแอ๊ดจะเสียชีวิต แต่เมื่อบล่าช้าเพราะรอหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือทำบัตรประชาชนให้ แต่ไม่สำเร็จเพราะพไม่มีหน่วยงานไหนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จนถึงขณะนี้ตนจึงไม่แน่ใจว่า“คุณสุมิตตา” เขาจะช่วยเรื่องค่าเช่าให้อยู่หรือไม่และคงต้องขอให้สมาคมสมาพันธ์นักข่าว (แห่งประเทศไทย) ในการเดินทางไปติดต่อหน่วยงานราชการตามภูมิลำเนาเดิมที่บายแอ๊ดอยู่อาศัยและเรียนหนังสือที่กรุงเทพ เพื่อนำหลักฐานมาใช้ทำบัตรประจำตัวประชาชนต่อไป
“สำหรับภูมิลำเนาเดิมของตนอยู่แถววัดรวก ใกล้อู่รถ ขสมก.ไทยประดิษฐ์ ไม่แน่ใจว่าเอกสารหลักฐานเดิมหรือสูติบัตรตนติดที่เขตบางกอกน้อยหรือเขตบางพลัด โดยตอนเรียนชั้นประถม ฯตนเคยแอบเปิดตู้เอกสารพบเอกสาร ระบุชื่อพ่อแม่บุญธรรมของตนชื่อนายประยรู เยาวลักษณ์ ,นางอนงค์ เยาวลักษณ์ ซึ่งพ่อบุญธรรมเป็นข้าราชการกรมบัญชีกลาง มีพี่ชายบุญธรรมชื่อฐานันดร์ เยาวลักษณ์ ส่วนชื่อพ่อแม่ที่แท้จริงของตนคือนายทวีศักดิ์ แม่ชื่อนางเกียว” ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฏร์ช่วยติดต่อประสานงานกับเขตบางพลัดหรือบอกกอกน้อย เพื่อค้นหาหลักฐานให้ตนได้ทำบัตรประจำตัวประชาชน โดยเพราะตนเป็นคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ พูดไทยชัดเจนและเรียนหนังสือไทย จบ ชั้น ป.5 อ่านออกเขียนได้ ซึ่งตอนเรียน ป.1-ป.4 ตนเรียนโรงเรียนวัดสุทธิศึกษา เมื่อจบ ป.4 แม่บุญธรรมให้มาเรียนที่โรงเรียนวัดนาคปรก แต่เมื่อจบ ป.5 ตนบอกแม่บุญธรรมว่าไม่อยากเรียนและอยากออกมาช่วยพ่อแม่บุญธรรมทำงาน จึงโดนพ่อบุญธรรมดุด่าอย่างเสียหายรุนแรง ตนหนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมเมื่ออายุ 12 ปี มารับจ้างทำงานที่ จ.สุราษฏร์ธานี สงขลา และนครศรีธรรมราช ก่อนจะมาได้สามีชาวนครศรีธรรมราช เช่าบ้านอาศัยอยู่ด้วยกันจนสามีเสียชีวิตเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา”
“ตนอยากวิงวอนให้นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช ปลัดอำเภอหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฏร์พื้นที่อำเภอเมือง หรือเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ช่วยดำเนินการเรื่องการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและช่วยทำบัตรประจำตัวประชาชนให้ยายแอ๊ดเป็นการด่วนด้วย โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและช่วยเหลือเบื้องต้นได้ที่ตนตลอดเวลา นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร/ไลน์ 081-6761299” นายไพฑูรย์ อินทศิลา กล่าว
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช