เมื่อเวลา11.30 น.วันที่ 9 ส.ค. 2563 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ทุกสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ของกรมอุทยานฯ ปราบปรามดำเนินคดี กับร้านค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ป่า ที่ผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง
ทั้งนี้นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายประทีป เหิมพยัคฆ์ ผู้อำนวยการส่วนสัตว์ป่า นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบปราบปราม ร้านค้าขายเนื้อสัตว์ป่า สองข้างทางถนนสาย323ไทรโยค- กาญจนบุรี อย่างต่อเนื่อง
โดยให้เจ้าหน้าที่ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว เข้าไปล่อซื้อเนื้อสัตว์ป่า จากร้านค้าที่โฆษณาหน้าร้าน ขายเนื้อสัตว์ โดยติดข้อความขาย “กวาง” “กระต่าย” บริเวณข้างถนนสายไทรโยค -กาญจนบุรี บ้านท่าเสา หมู่ที่3 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
เจ้าหน้าที่ได้ถามซื้อเนื้อสัตว์ป่า จากน.ส.สุวิมล กุมาทะอายุ 47 อยู่บ้านเลขที่ 146 หมู่ที่ 5 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี คนขาย เจ้าของร้านค้า เป็นเนื้อกวางจำนวน 1 กก.ราคา 250 บาท และส่งสัญญานให้เจ้าหน้าที่ ที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงกับร้านค้าดังกล่าว เข้าทำการตรวจสอบร้านค้า โดยน.ส. สุวิมลอ้างว่าเป็นเนื้อกวางเลี้ยงรูซ่า ไม่ใช่เนื้อกวางป่าสัตว์ป่าคุ้มครอง
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ทราบว่า ถึงแม้จะติดป้ายโฆษณาว่า “กวาง” และอ้างว่า เป็นเนื้อกวางเลี้ยงรูซ่า ที่สามารถซื้อ ขาย ได้ก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการนำเอา “กวางป่า” ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง มาขายโดยอำพรางว่า เป็นเนื้อ กวางรูซ่า และเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นการหลีกหลบเลี่ยงกฎหมาย
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งนางสาวสุวิมลว่า จะนำชิ้นเนื้อสัตว์ดังกล่าวตามที่อ้างว่าไม่ใช่เนื้อสัตว์ป่า ไปตรวจDNA ทีศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานฯ หากผลตรวจDNA ชิ้นเนื้อสัตว์เป็นเนื้อกวางป่า ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองลำดับที่ 14 นางสาวสุวิมลจะต้องถูกดำเนินคดี ตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งนางสาวสุวิมลรับทราบ และคณะเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน
นายนิพนธ์ฯ เผยต่อไปว่า ขอเตือนไปยังร้านค้าทั้งหลาย ที่ยังแสดงข้อความโฆษณาหน้าร้านว่า เป็น “กวางป่า” หรือ”กระต่ายป่า” หรือ”เก้ง” หรือสัตว์ป่าอื่นๆ อันเป็นการสนับสนุนทางอ้อมให้มีการค้าหรือล่า สัตว์ป่าสงวน หรือ สัตว์ป่าคุ้มครอง
รวมทั้งกรณีเจ้าหน้าที่นำชิ้นเนื้อสัตว์ที่ยึดไว้ดังกล่าว ไปตรวจพิสูจน์ DNA หากผลปรากฎว่า ไม่ใช่เนื้อสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เป็นเนื้อสัตว์เลี้ยง เช่น เนื้อลูกวัวมาย้อมสีแดง แล้วหลอกขายว่าเป็นเนื้อ”กวางป่า” หรือโฆษณาติดป้ายว่า เป็นกวางป่า ซึ่งที่แท้จริงแล้วเป็นเนื้อสัตว์เลี้ยงอย่างกวางรูซ่าก็ตาม แม้คนขายจะไม่ผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 แต่ก็เป็นการหลอกลวงผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผู้บริโภค ก็ต้องผิดกฎหมายอาญา ม. 271 ฐาน ผู้ใดขายของโดยหลอกลวง ด้วยประการใดๆให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณ แห่งของนั้นอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รวมทั้งผิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 ฐานเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกิน 5หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จึงขอเตือนว่า ร้านค้าที่มีพฤติกรรมโฆษณา หลอกลวงผู้บริโภคในการขายเนื้อสัตว์ป่าเก๊ หรือเนื้อสัตว์เลี้ยง โดยหลอกลวงโฆษณาว่าเป็นเนื้อสัตว์ป่า เช่น “กวางป่า””กระต่ายป่า” จึงขอให้ยกเลิกกระทำดังกล่าวเสีย มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างเด็ดขาดต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ ทางคณะเจ้าหน้าที่ ได้เข้าจับกุม ร้านค้าขายเนื้อกวางป่า โดยได้ติดป้ายโฆษณาหน้าร้านค้าว่า ขายเนื้อ”กวางป่า” ที่บริเวนริมถนนสาย323ไทรโยค-กาญจนบุรี ในข้อหาค้าเนื้อ”กวางป่า”โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำและปรับ และส่งดำเนินคดีสภ.ไทรโยคไปแล้ว
วุฒิเดช ก้อนทองคำ ผู้สื่อข่าว จ. กาญจนบุรี