เอาแล้ว!!”ถ้ำหลวง นางนอน” หลังเจ้าหน้าที่สาวคนดัง เรียกรับเงิน7หมื่นแลกเข้าทำงานอุทยาน พบผู้เสียหายเพียบ

เอาแล้ว!!”ถ้ำหลวง นางนอน” หลังเจ้าหน้าที่สาวคนดัง เรียกรับเงิน7หมื่นแลกเข้าทำงานอุทยาน พบผู้เสียหายเพียบ

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายจากการถูกหลอกว่าสามารถฝากเข้ารับราชการในสังกัดกรมอุทยานได้ แต่ต้องเสียเงินค่าฝากเข้าทำงานอุทยานให้นาย จำนวนกว่า  70,000บาท หลายคนเสียเงินไปแล้ว กลับไม่ได้เข้าทำงานจริง และเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ภายหลังทรายชื่อผู้เสียหายชื่อนายเอ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 27 ปี  ที่อยู่  ต. ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย และ น.ส.บี (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 26 ปี แฟนสาว  ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง  เจ๊นก และ เจ้าที่่ป่าไม้คนหนึ่ง สาเหตุมาจาก ก่อนหน้านี้ ข้าราชการกรมป่าไม้แห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย

ได้มาติดต่อผ่านญาติของ นายเอ ว่าสามารถจะฝากเข้ารับราชการในสังกัด กรมอุทยานฯได้ แต่ต้องเสียเงินค่าฝากเข้ารับราชการเป็น จำนวน 70,000 บาท จากการพูดจาหว่านล้อมต่างๆนาๆ ตนจึงหลงเชื่อ และไปหาหยิบยืมเงินของญาติพี่น้องเพื่อรวบรวมให้ครบตามจำนวนหวังจะได้ทำงานรับราชการและมีสวัสดิการต่างๆให้ครอบครัว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้รายหนึ่ง  ก็นัดให้มาพูดคุยกับ เจ๊นก ในวันที่ 9 กุมพาพันธ์ 2563  ที่บริเวณ สนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งมีการนั่งคุยกันบริเวณเก้าอี้ด้านในสนามบิน ซึ่งการมาในวันนั้น เจ๊นก ได้สวมใสหมวกคลุมและใส่หน้ากากอนามัยเหมือนจะปิดบังอำพรางใบหน้ามา จนทำให้แฟนของตนได้เกิดความไม่ไว้ใจจึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแอบถ่ายรูปของเจ้าหน้าป่าไม้ และ เจ๊นก เอาไว้ในระหว่างที่ตนกำลังตกลงกันอยู่ เมื่อมีการพูดคุยกันถึงรายละเอียดในการสมัคร แล้ว เจ๊นก มีการอ้างตัวว่า เป็นเลขาหัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน และบอกว่าเป็นเด็กนาย จนทำให้ตนหลงเชื่อว่าจะสามารถฝากเข้ารับราชการได้ ประกอบกับมากับข้าราชการป่าไม้ ตนจึงตอบตกลงที่จะเสียเงินเพื่อแลกกับการได้ทำงานรับราชการ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ก็ใช้ปากกาเขียนหมายเลขบัญชีธนาคารใส่ในกระดาษA4 เพื่อให้ตน ได้โอนเงินมาให้โดยเขียนไว้ 2 บัญชี  บัญชีแรก เป็น ธนาคารกรุงไทย สาขาเชียงราย หมายเลขบัญชี 595-0-44xxxx ชื่อบัญชี เป็นของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ระบุจำนวนเงินที่ให้โอน จำนวน 30,000บาท  และ บัญชีที่ 2 เป็นบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่สาย หมายเลขบัญชี 505-0-15xxxx ชื่อบัญชี ชื่อจริงของเจ๊นก ระบุจำนวนเงินที่ต้องโอน จำนวน 41,500 บาท ซึ่ง เจ๊นกได้แจ้งว่า 40,000บาท เอาไปให้นาย เป็นค่าฝากเข้าทำงาน ส่วนอีก 1,500 บาท เป็นค่าทำบัตรประจำตัวข้าราชการ

ตนและแฟน จึงเดินทางไปยัง ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน ต.เชียงราย เพื่อนำเงินสดไปฝากตู้ฝากเงินเข้าบัญชี และ กดโอนเงินจากตู้  ATM ไปให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ เจ๊นกตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ หลังจากนั้น เจ๊นกก็ได้ติดต่อกับตนทางระบบไลน์ และดึงไอดีไลน์ของตน เข้าไปภายในกลุ่มไลน์ ที่ชื่อกลุ่มว่า ” พนักงานถ้ำหลวง ” ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานถ้ำหลวง และ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อยู่ในกลุ่มไลน์ พนักงานถ้ำหลวง จำนวนเกือบ 100คนและมีการพิมพ์คุยรายละเอียดในกลุ่มไลน์ มีการแจ้งให้โอนเงิน ค่าตรวจสุขภาพ จำนวน 420 บาท , ค่าส่งเอกสาร อีก 200 บาท ซึ่งตนก็และอีกหลายคนก็โอนไปให้เจ๊นก  และเก็บสลิปไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง จนเวลาเนิ่นนานไปก็มีหลายๆคนที่โอนเงินไปให้แล้วบางคนนานเป็นปี แต่ไม่ได้ทำงานก็มาพิมพ์ถามในไลน์กลุ่มซึ่ง เจ๊นก ก็จะบ่ายเบี่ยงอยู่ตลอดเวลา โดยหาข้ออ้างต่างๆนานา มาพิมพ์ จนทำให้หลายๆคนไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าโวยวายเพราะกลัวจะไม่ได้ทำงาน จนภายหลังตนเกิดความสงสัยจึงโทรไปถามในเรื่องการเข้างาน ไปยัง อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน ซึ่งได้คำตอบจากหัวหน้าอุทยานฯว่า ทางอุทยานฯไม่มีนโยบายให้เสียเงินเข้า และ เตือนว่าอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างในเรื่องดังกล่าว  และ ทางอุทยานฯก็ออกหนังสือ เพื่อประกาศเตือนในเพจเฟสบุ๊ค ของอุทยานฯ  ตนจึงแน่ใจว่า ตนโดนหลอกอย่างแน่นอน

จึงตัดสินใจมาแจ้งความดำเนินคดี พร้อมขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวให้พามาแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตนรู้สึกกลัวมากๆ หากเป็นคดีความ เพราะตลอดเวลา เจ๊นกชอบอ้างถึงนาย และอ้างถึงหัวหน้าอุทยาน รวมถึงอ้างข้าราชการมีสี มาโดยตลอด แต่ตนก็ต้องมาแจ้งความเพราะเจ็บใจที่ถูกกลอกเอาเงินไป เพราะเงินก็ไปยืมญาติมาด้วยจึงตัดสินใจมาแจ้งความดำเนินคดีเพื่อให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อไม่ให้เจ๊นก ไปหลอกใครๆได้อีก

และวันเดียวกัน เวลา 14.45น. ที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย น.ส. ซี (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 26 ปีพร้อมด้วย คุณตา ที่อยู่ ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นผู้เสียหาย รายที่ 2 จากการถูกหลอกว่าสามารถจะฝากเข้าทำงานของกรมอุทยานฯ ที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ในคดีที่ เจ๊นก ได้อางว่าสามารถฝากเข้าทำงานที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ได้ ซึ่ง น.ส. ซี ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้มีคนในหมู่บ้านได้มาชักชวนให้ตนเข้ามาสมัครทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยาน แต่ต้องเสียเงินค่าฝากเข้าทำงาน จำนวน 70,000 บาท แต่สามารถจ่ายเงินก่อนเพียง 40,000 บาทก่อนได้ แล้วที่เหลืออีก 30,000 ค่อยนำมาจ่ายให้ภายหลังจากได้เข้าทำงานที่อุทยานฯ ต่อมาคุณตา ของตนจึงได้พามาพูดคุยกับ กำนัน ชื่อดังคนหนึ่งในเขต อ.เวียงชัย เพื่อพูดคุยรายละเอียดต่างๆ ก่อนจะมีการนัดคุยกับ เจ๊นก และต่อมาก็มีการนัดให้ตนมาพบเพื่อพูดคุยรายละเอียดที่ร้านครัวสุโขทัย ที่อยู่ใกล้เคียงกับอุทยานถ้ำหลวงฯ โดยในวันนั้นมีกำนันและคนที่ชักชวนก็เดินทางมาด้วย เมื่อมาถึงก็มีการพูดคุยรายละเอียด ซึ่งเจ๊นก  ได้แจ้งรายละเอียด ต่างๆ ได้แจ้งว่า หากจ่ายเงินแล้ว ก็จะดำเนินการฝากกับนายให้เข้าทำงานได้  และได้มอบเอกสารหลักฐานการสมัครต่างๆให้กับ เจ๊นก ไปในวันนั้น ภายหลังจากตกลงกันเรียบร้อยตนและคุณตา ก็ได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่สาย เพื่อฝากเงินสดเข้าบัญชีของเจ๊นก ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 505-0-15xxxx จำนวนเงิน 41,000 บาท เป็นค่าฝากเข้างาน 40,000 บาท และอีก 1,000 บาท เป็นค่าทำเอกสาร และต่อมาก็มีการดึงตนเข้าไปในไลน์กลุ่ม พนักงานถ้ำหลวง เพื่อใช้เป็นช่องทางในการติดต่อประสานงานเหมือนคนอื่นๆ และก็มีการแจ้งให้ตนโอนเงินค่าทำบัตรข้าราชการ จำนวน 500 บาท ค่าตรวจสุขภาพจำนวน 420 บาท และมีค่าจัดส่งเอกสารในการอบรมออนไลน์ผ่านวีดีโอคอนฟาเร้น อีกจำนวน 200 บาท แต่ต่อมาเจ๊นก ได้แจ้งมาว่าเอกสารที่ส่งมาเปลี่ยนเป็นเอกสารท้ายสัญญาจ้างแทน แต่พอเปิดดูแล้วพบว่าในซงมีแต่เอกสารส่วนท้าย แต่ส่วนหัวเอกสารไม่มีมา ตนจึงสอบถามไปยังเจ๊นก แต่ก็ไม่ได้คำตอบ และบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด และตนจึงประกาศถอนตัวและขอเงินคืน แต่เจ๊นก ก็พลัดผ่อนมาตลอดพร้อมทั้งดีดตนออกจากไลน์กลุ่ม พนักงานถ้ำหลวง

    จากการตรวจสอบของอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พบว่ามีซองเอกสาร ส่งมาที่ถ้ำหลวงฯ แต่ลงรายละเอียดจ่าหน้าซองว่าส่ง  ตู้ ปณ. 7 ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ซึงสร้างความสงสัยให้กับเจ้าหน้าระดับสูงของถ้ำหลวงฯ ประกอบกับมีคนโทรมาสอบถามเรื่องการฝากคนเข้าทำงานในถ้ำหลวงฯหลายคน จึงมีการติดต่อสอบถามไปยังไปรษณีสาขาแม่สายเพื่อสอบถามภายหลังจากการตรวจสอบ ตู้ ปณ.7 ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ดังกล่าวพบว่าเป็นของ เจ๊นก  ที่เป็นผู้ไปเช่าตู้ ปณ.7 มาจากไปรษณีย์แม่สาย เพื่อใช้ในการรับ-ส่งเอกสารต่างๆ เพื่อให้ดูว่าน่าเชื่อถือ จนทำให้ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ได้ออกหนังสือ ประกาศ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม และ ประกาศโพสต์ในเฟสบุ๊ค ในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทางเพจเฟสบุ๊ค ที่ใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เตรียมการ ได้โพสต์ประกาศ แจ้งเตือนโดยมีใจความดังนี้


     ” ประกาศ    ด้วยอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ได้รับแจ้งจากผู้หวังดีว่า มีผู้แอบอ้างตัวเป็นหัวหน้าอุทยานฯ โดยมีการกระทำและพฤติการณ์ ประกอบการกระทำอันเป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไปว่า ในการรับบุคคลทั่วไปเข้าทำงานที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน จะต้องแลกกับการจ่ายเงินให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน เป็นค่าตอบแทนในการรับเข้าทำงาน และมีประชาชนจำนวนหลายคนหลงเชื่อ รวมทั้งได้จ่ายเงินให้บุคคล ผู้แอบอ้างดังกล่าวแล้ว   จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า การรับบุคคลทั่วไปเข้าทำงานในอุทยานแห่ชาติถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ วิธีการ และระเบียบของทางราชการอย่างเคร่งครัด ซึ่งจากการที่มีผู้แอบอ้าง โดยแลกกับการจ่ายเงินให้แก่หัวหน้าอุทยานฯ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด สำหรับผู้ที่แอบอ้างซึ่งได้แสดงตนเป็นหัวหน้า และการกระทำหลอกลวงประชาชนดังกล่าว ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงของหัวหน้าอุทยานฯ และทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของทางราชการ รวมทั้งเป็นการกระทำที่มีควาผิดตามประมวลกฏหมายทางแพ่งและทางอาญา  หากประชาชนคนใดได้รับความเสียหายหรือพบการกระทำลักษณะดังกล่าว ขอได้โปรดแจ้งให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง -ขุนน้ำนางนอน ทราบ เบอร์โทรศัพท์ 081-5951095 (ทั้งนี้การแจ้งดังกล่าวจะถือว่าเป็นความลับไม่เปิดเผยชื่อผู้แจ้งแต่อย่างใด) เพื่อจะได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาดต่อไป ” 
 ภายหลังจากอ่านข้อความนี้แล้ว ตนและ ผู้เสียหายอีกหลายคนจึงคิดว่าน่าจะถูกหลอกเป็นแน่แท้ ตนจึงนัดกับผู้เสียหายคนอื่นๆ เพื่อมาแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ๊นกในครั้งนี้เพื่อเป็นการทวงคืนความยุติธรรมมให้ตนเอง และ เพื่อไม่ให้ เจ๊นก ไปหลอกลวงคนอื่นๆว่าจะฝากเข้าทำงานในกรมอุทยานได้อีก ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหาย หลายสิบคน จากคนในกลุ่มไลน์เกือบ100คน  ซึ่งก็มีบางคนไม่กล้าแจ้งความ เพราะเกรงกลัวต่ออิทธพล ของเจ๊นกซึ่งหลายไปคนก็ทราบกันดีว่า  เจ๊นกมีการคบหาสมาคมกับนักการเมืองท้องถิ่นและเจ๊ใหญ่เจ้าของโรงแรมดังในเขตแม่สาย จนทำให้หลายๆคนเกิดความเกรงกลัว

ด้าน นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหาร พื้นที่ อนุรักษ์ที่15  จ.เชียงราย  ได้ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในตอนนี้ต้องดูรูปคดีก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็พึ่งคุยกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ว่าถ้าผู้เสียหายไปแจ้งความก็จะได้พยานและหลักฐานเพิ่มเติม แต่ ณ ตอนนี้ทางอุทยานฯ ก็มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งก็ต้องดูว่ามีผู้เสียหายหรือไม่ถ้ามีผู้เสียหายก็ต้องดูพนักงานสอบสวนว่าเขาดำเนินการอย่างไร ส่วนเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่ไปสมอ้างว่าจะฝากเข้าทำงานได้นั้น การสอบยังไม่ได้เกิดขึ้นและในความเป็นจริงทางอุทยานฯ ก็พึ่งเปิดรับสมัครเสร็จไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมนี้เอง  และทางสำนักเขต15 ก็ยังไม่เคยทราบเรื่องว่ามีการวิ่งเต้นเข้าทำงานเกิดขึ้น จนกระทั่งมีคนโทรเข้าไปถามกับหัวหน้าอุทยานถ้ำหลวงฯ ว่ามีการติดต่อวิ่งเต้นกันว่าจะขอฝากเข้าทำงาน ซึ่งพอหัวหน้าอุทยานฯ รับรู้ก็ตกใจและมาปรึกษากับผม ผมเลยแนะนำว่า ให้ออกประกาศไปว่า ถ้าใครมาติดต่อจะฝากเข้าทำงานคือเป็นการหลอกลวงทั้งนั้น เพราะทางอุทยานฯมีขั้นตอนการบรรจุหรือการคัดคนเข้ามาทำงานตามกระบวนการเป็นขั้นตอน
  ซึ่งเรื่องนี้เคยมีมาหนึ่งครั้งแล้วเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ. 2562 ช่วงเดือนตุลาคม หรือ กันยายน คือมีคนที่ถูกหลอกลวงแบบนี้มาร้องเรียน แต่ก็ไม่มีใครไปแจ้งความและก็ไม่มีใครมาชี้ชัดว่าเรื่องนี้คนที่เกี่ยวข้องเป็นใคร ผมเลยออกประกาศไปเองเลยว่าหากมีใครไปหลอกลวงว่าไปวิ่งเต้น คือเป็นการหลอกลวงซึ่งก็ดำเนินการแจ้งไปเมื่อปลายปีที่แล้ว จนมาถึงครั่งนี้ซึ่งก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบและหาหลักฐาน
นายกมลชัย ผอ.สำนักที่15 ยังกล่าวต่อว่า เมื่อพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้แล้วก็จะเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่งให้กัยทางอุทยานได้อย่างดี


    ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ในส่วนของคดีนี้เมื่อ 2 วันก่อนก็มีคนมาร้องทุกข์ แต่พยานหลักฐานที่นำมายังไม่เพียงพอ จึงให้ลงบันประจำวันไว้ก่อนแล้วให้กลับไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติม และส่วนในเช้าวันนี้ก็มีมาแจ้งความร้องทุกข์อีก 1 คน และตอนนี้ก็มี น.ส. ซี ที่มาแจ้งความร้องทุกข์ จึงสอบสวนในฐานะพยานไว้ก่อน และจะทำการเรียกผู้เสียหายในไลน์กลุ่มมาให้ปากคำในฐานะพยานทุกคนต่อไป
  และ สภ.แม่สาย จึงอยากฝากถึงผู้เสียหายทุกคนในคดีนี้ ให้ช่วยออกมาร้องทุกข์และให้ข้อมูลเบาะแสกับพนักงานสอบสวนที่ สภ .แม่สาย โดยผู้เสียหายสามารถโทรติดต่อสอบถามกับพนักงานสอบสวนได้ก่อนเพราะคดีนี้มีผู้เสียหายในจังหวัดเชียงรายเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนเดินทางสามารถโทรนัดเวลาเพื่อความสะดวกโดยตรงกับ   พ.ต.ท.กัมปนาท สิทธิแก้ว  ที่หมายเลขโทรศัพท์ 085-711-402

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม