“แรมโบ้ อีสาน” มั่นใจรัฐบาลและพรรคร่วม พร้อมแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“แรมโบ้ อีสาน” มั่นใจรัฐบาลและพรรคร่วม พร้อมแก้ไขรัฐธรรมนูญ

วันที่ 27 ก.ย.2563 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากว่าทางรัฐสภาได้มีความเห็นตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ภายใน 30 วัน เมื่อทางรัฐสภาเดินทางไปอย่างไรก็ต้องยอมรับแนวทางดำเนินการไปซึ่งทางรัฐบาลเองไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ก้าวล่วง ในเรื่องของการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะรัฐสภา ดังนั้นแล้วเมื่อทุกอย่างเดินไปตามหลักเกณฑ์กติกาตามระเบียบตามข้อตกลงในการประชุมทางฝ่ายสมาชิกรัฐสภาก็ต้องดำเนินการว่ากันไป ก็อยากให้สมาชิกรัฐสภาทุกๆท่านได้ทำงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นซีก ฝ่ายทาง สว. ฝ่ายทาง สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็อยากให้ทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องการให้เกิดบรรยากาศตีรวน บรรยากาศวอล์กเอาต์ อยากเห็นภาพพจน์ของสมาชิกรัฐสภาเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะในเรื่องของรัฐธรรมนูญที่ต้องการอยากจะแก้ไขโดยเฉพาะ 30 วันในการศึกษาร่างทุกญัตติ ที่ส่งเข้าไป เป็นข้อมูลที่ครบรอบด้าน ที่จะพิจารณาชัดเจนก่อนที่จะกลับเข้ามาสู้ในการพิจารณาในเรื่องของการรับญัตติต่อไป

กรณีนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหว ถ้าหากไม่มีการก้าวล่วงสถาบัน การทำผิดกฎหมาย  ก็คิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรอยู่แล้ว ซึ่งการเรียกร้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เดินไปตามกติกาตามระบบของรัฐสภาอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะหนักใจ สุดท้ายเมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขเสร็จก็ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ไม่มีอะไรเป็นอย่างอื่น เมื่อรัฐธรรมนูญแก้ไขเสร็จเมื่อโปรดเกล้าลงมายังไงก็ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างแน่นอน บ้านเมืองต้องเดินไปตามกรอบ ไม่ใช่มาใช้วิธีอำนาจบาตรใหญ่ บนถนนหรือไม่ใช้วาจากำลัง ด่าหยาบคายบรรดาผู้นำ สส. นักการเมือง ที่น่าสภา ก็เป็นภาพที่ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง ก็ขอฝากบ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างสงบสุข จะต้องอยู่ในกติกา ต้องยึดหลักกฎหมาย ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน บ้านเมืองเป็นของพวกเราทุกคน

การต่อสู้ทางการเมืองไม่มีพรรคการเมืองไหนแพ้ไม่มีพรรคการเมืองไหนชนะ การออกมาเดินขบวนบนท้องถนนและเรียกร้องจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนทั่วไป ดังนั้นเมื่อเกิดผลกระทบรุนแรงทำให้เกิดความเสียหายมากมายเหมือนบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา สุดท้ายความเสียหายเกิดขึ้นกับประเทศไทย และเกิดขึ้นกับคนไทยทุกคน อย่าหายไม่ว่าจะเป็นด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ เสียหายในเรื่องของการพัฒนา อย่าหายในเรื่องของการทำมาหากินของประชาชน ที่ไม่ได้ออกมาร่วมชุมนุมด้วย เราต้องคิดให้ได้ว่าถ้าเราเคลื่อนไหวหรือเรียกร้องบนท้องถนนนั้นผลกระทบความเสียหายจะตกอยู่ที่ประเทศไทยและประชาชนคนไทย โดยภาพรวม.

ภาพ-ข่าว ณัฐพงศ์ อรชร ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ครราชสีมา

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม