รวบแก๊งตุ๋นขายรถหลุดจำนำรายใหญ่ พฤติการโอนเงินแล้วไม่ได้ของ
วันนี้ 5 พฤศจิกายน 2563 พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้นำผลงานแสดงการจับกุมแก๊งต้มตุ๋นหลอกขายรถหลุดจำนำที่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยพฤติการคนร้ายได้เปิดเฟสบุ๊คที่ชื่อซื้อ-ขายรถหลุดจำนำเอกสารครบ ได้โพสสินค้าเป็นประเภทรถยนต์และมอเตอร์ไซด์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีผู้เสียหายคือนางสาวพลอยแก้ว ชุ่มคำ อายุ 18 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ว่าได้เข้าไปดูใน เฟสบุ๊ค ใช้ชื่อว่า ขาย-รถ หลุดจำนำเอกสาครบ โดยได้มีการประกาศขายรถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า PCX สีขาว ซึ่งผู้เสียหายได้ติดต่อขอซื้อรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน ในราคา 10000 บาท และได้โอนงินไปยังบัญชีที่กลุ่มคนร้ายแจ้งมา ซึ่งเมื่อโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับรถจักรยานยนต์ อีกทั้งไม่สามารถติดต่อกับเฟสบุ๊คนั้นได้อีกเลย ชุดสืบสวนจับกุมได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลต่างๆ จนกระทั่ง ทราบตำหนิรูปพรรณ คนร้ายที่มากดเงินประจำทุกครั้งที่มีกรถอนเงินอย่งชัดเจน โดยตลอดการสืบสวนกว่า 2 เดือน พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีของกลุ่มคนร้ายกว่า 300,000 บาท
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับได้วางแผนอำพราง ติดต่อขอทำการซื้อรถจักรยานยนต์ ไปยังเจ้าของเฟสบุ๊คดังกล่าว แล้วตกลงซื้อขายรถจักรยนนต์ และได้โอนงิดมัดจำรถจักรยานยนต์พร้อมได้วางแผนเพื่อจับกุม จนพบชายไทยลักษณะตงรกับภาพจกกล้องวงจรปิดบริเวณที่กดเงินที่ทำการสืบสวนมา ขับขี่รถจักรยานยนต์มากดเงินผ่านตู้กดเงิน หลังจากได้รับการโอนงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ทราบชื่อ คือ นายเกิดฯ (นามสมมุติ) จากนั้นจึงได้ขยายผลจนสามารถจับกุมหญิงที่ทำหน้าที่โทรศัพท์ให้ นายเกิดฯ ถอนเงินได้ อีก 1 ราย ทราบชื่อ คือ น.ส.หัตฯ (นามสมมุติ) และจากการขยายผล ทำให้ทราบถึงตัวการใหญ่ ที่เป็นผู้สร้างและใช้ฟสบุ๊ก คือ น.ส.เกศฯ (นามสมมุติ) และยังเป็นผู้ที่ได้เงินจำนวนมากไป อีกทั้งยังพบว่า นายสุฯ (นามสมมุติ) เป็นผู้ทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารต่างๆ หลายบัญชี เพื่อให้ น.ส.เกศฯ ใช้ในการหลอกลวงประชาชน ส่วนผู้ต้องหาที่จับได้ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเอนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งจะดำเนินการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการทุกรายต่อไป.
ภาพ-ข่าว ณัฐพงศ์ อรชร ผู้สื่อข่าวประจำ จ.นครราชสีมา