อิทธิพลตัวจริง!!เมืองไทยยังมีความเป็นธรรมสำหรับประชาชนในพื้นที่ไกลปืนเที่ยงอยู่อีกหรือ-ร้องสื่อและศูนย์ดำรงธรรมก่อนตัดใจย้ายหนีอิทธิพลข้าราชการ
(3 มิ.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชและศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้มีนายนิรันดร์ น้อมประวัติ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 379 หมู่ 5 ต.บ้านลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช พร้อม น.ส.สิรัญญา สมนึก อายุ 53 ปี ภรรยา เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมเนื่องจากซท้อที่ดินที่ชาวบ้านเคยทำกินมายาวนาน แต่มาถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นเขตป่าชุมชนตามประกาศเมื่อปี พ.ศ. 2562 และเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยการถูกจับกุมในครั้งนี้น่าจะถูกกลั่นแกล้งจากผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะในพื้นที่เดียวกันมีชาวบ้านเข้าไปทำกินอยู่หลายสิบรายแต่กลับถูกจับกุมดำเนินคดีเพียงรายเดียวเฉพาะตนสองผัวเมียเท่านั้น
นายนิรันดร์ กล่าวว่า ตนมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ได้ไปมีภรรยาและซื้อที่ดินทำกินใน ต.บ่านลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ 16 ไร่เศษ โดยทำการปลูกยางพาราทำกินมานานเกือบ 20 ปี ในขณะที่ภรรยาของตนยังประกอบอาชีพขายของหลายประเภททั้งเหล่า เบียร์ บุหรี่ตามงานต่าง ๆ ในหมู่บ้าน เช่น งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้นจนเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนตนพร้อมภรรยาไปขายของในงานศพงานหนึ่งในหมู่บ้าน ปรากฏว่ามีนักการเมืองทั้งในระดับพื้นที่และระดับจังหวัดรวมมทั้งระดับชาติไปร่วมงานจำนวนมาก ในจำนวนนี้มี ส.ส.พรรคการเมืองดังพรรคหนึ่งในภาคใต้พร้อมพรรคพวกจำนวนหนึ่งเดินทางไปงานศพด้วย โดยมีผู้นำท้องถิ่น และ ส.อบต.และเจ้าภาพให้การต้อนรับอย่างดี และ ส.อบต.ชื่อดังในพื้นที่มีการสั่งเหล้ารีเจนซี่มาดื่มกินกันที่โต๊ะ ส.ส.มากถึง 20 ชุด รวมมูลค่ากว่า 5,000 บาท ตามปกติก่อนกหารยกศพไปเผาคนที่สั่งเหล่าหรือสิ่งของจะต้องจ่ายเงินเคลียร์ให้กับพ่อค้าแม่ค้าภายในงานให้หมดเสียก่อน ซึ่งคนที่ค้างค่าเหล้า บุหรี่คนอื่น ๆ หลายสิบคนก็ปฏิบัติตามจ่ายเงินให้ตนและภรรยาครบถ้วน แต่ ส.อบต.ที่สั่งเหล่ารีเจนซี่ 20 ชุดไปดื่มกินที่โต๊ะ ส.ส.กลีบเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าเหล้า แม้จะเผาศพและเวลาล่วงเลยมาหลายเดือน โดยตนและภรรยาได้ติดตามทวงหนี้ค่าเหล้ามาอย่างต่อเนื่อง สร้างความไม่พอใจให้กับ ส.อบต.คนดังกล่าวเป็นอย่างมาก
โดยได้กลั่นแกล้งตนต่าง ๆ นานา โดยเมื่อมีเหตุแทงกันในหมู่บ้านก็ปล่อยข่าวว่าตนเป็นคนฆ่าทั้ง ๆ ที่ตนไม่รู้เรื่องไม่เกี่ยวข้องใด ๆ จนเจ้าหน้ารที่ตำรวจมาเชิญตัวไปตนไปสอบสวน แต่โชคดีที่ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสและหลายฝ่ายเชื่อว่าต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอนไม่เสียชีวิตและรักษาหายกลับออกจากโรงพยาบาลได้ และยืนยันว่าคนร้ายที่ใช้มีดกะซวกแทงเขาไม่ใช่ตนทำให้ตนรอดพ้นคดีมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นไม่นานก็ไปยุยงปลุกปั่นให้ชาวบ้านปิดทางเข้าออกจนตนไม่สามารถเข้าไปทำสวนยางพาราได้ โดยพยายามบีบให้ตนขายที่สวนยางในราคาถูก สร้างความลำบากให้กับตนเป็นอย่างมากเพราะต้องขับรถ จยย.และจอดอีกฝั่งคลองหนึ่งก่อนจะข้ามคลองมากรีดยางพาราในสวนได้ แต่ตนก็ไม่ยอมขายที่ดินสวนยางให้และปล่อยไว้เฉย ๆจนถึงทุกวันนี้
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่านอกจากนี้ ส.อบต.คนดังกล่าวก็พยายามทุกวิถีทางในการกลั่นแกล้งตน จนถึงขั้นทำให้ครอบครัวตนแตกแยกต้องเลิกรากับภรรยา โดยภรรยาตนไปมีสามีใหม่ส่วนตนมาอยู่กินกับนางสาวสิรัญญา สมนึก และเพื่อตัดปัญหาในปี 2560 ตนจึงข้ามคลองไปซื้อที่ดินในอีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก จำนวน 13 ไร่ โดยที่ดินที่ตนซื้อเป็นที่ดินที่ชาวบ้านเขาอาศัยทำกินต่อเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคน และในละแวกเดียวกันมีชาวบ้านอยู่อาศัยทำกินจำนวนมาก ปราฏว่ามีผู้ใหญ่บ้านที่เป็นเพื่อนกับ ส.อบต.ก็พยายามกลั่นแกล้งตัดหันทำลายผลอาสินที่ตนปลูกอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความขัดแย้งกับตนอย่างหนัก ล่าสุดได้เข้าไปตัดหันผลอาสินของตนอีก ตนจึงบุกไปที่บ้านผู่ใหญ่บ้านเพื่อสอบถามทางผู้ใหญ่บ้านอ่างว่าไม่ได้เป็นคนตัดฟันผลอาสินของตนแต่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาตัด ตนจึงไปถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่สำนักงานป่าไม้ (บางขัน) เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธไม่ได้ตัดต้นไม้ผลอาสินแต่อย่างใด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563 ผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปจับกุมตนในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าชุมชนที่ปผ่าชุมชนที่เพิ่งประกาศเมื่อปี พ.ศ 2562 ซึ่งเป็นการประกาศทับที่ทำกินชาวบ้าน อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่บ้านหลังจับกุมตนผู้ใหญ่บ้านแจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาควบคุมตัวตนพร้อมยึดรถ จยย.ที่อ้างว่าเป็นของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด ไปดำเนินคดีส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยตั้งข้อหาว่าตนทั้งสองบุกรุกป่าชุมชนและป่าสงวนแห่งชาติ ต่อมามีข้าราชการครูท่านหน่วยสงสารตนที่ถูกกลั่นแกล้งจึงใช้ตำแหน่งเข้ายื่นประกันตัวตนออกมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2563 ตีเงินค่าประกันตัวคนละ 100,000 บาท รวม 200,000 บาท ตนเห็นว่าการที่ผู้ใหญ่บ่านร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมตนดำเนินคดีในครั้งนี้เป็นการกลั่นแกล้งตนสองผัวเมียอย่างชัดเจน เพราะหากพื้นที่ที่ตนทำกินเป็นเขตป่าชุมชนชนจริงก็เป็นการกระกาศเขตป่าชุมขนทับที่ทำกินของชาวบ้าน และหากเป็นสงวนแห่งชาติจริงทำไมไม่จับชาวบ้านรายอื่น ๆ หลายสิบรายที่ทำกินอยู่ในเขตป่าบริเวณเดียวกัน จึงมาร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับตนทั้งสองด้วย
สองปผัวเมียกล่าวอีกว่า ตนทราบว่าระเบียบการดำเนินการของศูนย์ดำรงธรรมจะแจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าทางป่าไม้ชี้แจงข้อเท็จจริงเขาก็คงชี้แจงแก้ตัวไปต่าง ๆ นา ๆ เพราะเขาเป็นคู่กรณีคงไม่ยอมรับความจริงและอย่างไรก็คงจะเอาผิดกับตนจนได้ ตนจึงตัดสินใจเข้าร้องเนียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย อย่างน้อยจะทำให้สังคมได้รับรู้ว่าในปัจจุบันยังมีการใช้อำนาจรัฐข่มเหง รังแก กดขี่ข่มเหงประชาชนผู้ที่ยากจน ยากไร้ ประชาชนในพื้นที่ไกลปืนเที่ยงไม่เคยได้นับความเป็นธรรมอย่างแท้จริง ประชาชนจะอยู่ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบงการชี้นิ้วของผู้นำท้องถิ่นและข้าราชการในพื้นที่เท่านั้น หลังจากนี้ตนจะประกาศขายที่ดินทั้ง 2 แปลงหลบหนีออกมาอยู่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และหาซื้อที่ดินแปลงเล็ก ๆ สัก 1-2 ไร่ทำกินในบั้นปลายของชีวิตคงจะมีความสงบสุขกว่าที่จะทนอยู่ภายใต้อำนาจและอิทธิพลของผู้นำและข้าราชการในพื้นที่ อ.บางขัน เกิดเป็นคนจะแย่งชิงทรัพยากรกันมากมายไปทำไม ในที่สุดเมื่อถึงวันตายเอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง สองผัวเมียกล่าวอย่างยอมรับสัจจะธรรมความเป็นจริงในชีวิต.
ไพฑูรย์ อินทศิลา กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ นครศรีธรรมราช