หนุ่มขี่จยย. ชนลุงปั่นจักรยาน ดับคู่ ถนนเลียบทางรถไฟ ย่านบางขุนนนท์

หนุ่มขี่จยย. ชนลุงปั่นจักรยาน ดับคู่ ถนนเลียบทางรถไฟ ย่านบางขุนนนท์

หนุ่มขี่จยย. ชนลุงปั่นจักรยาน ดับคู่ ถนนเลียบทางรถไฟ ย่านบางขุนนนท์


วันที่ 5 มิถุนายน 2563 เวลา 13.20 น.

พ.ต.ต.เจนวิทย์ อิ่นอาย สว.สอบสวน สน.บางขุนนนท์ พร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ เฉี่ยวชนกับ รถจักรยานปั่น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณถนนเรียบทางรถไฟ หน้าทางเข้าหมู่บ้านเศรษฐศิริ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่เร่งรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนเลียบทางรถไฟ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พบว่ามีประชาชนมุงดูเหตุการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต 2 ราย อยู่ในสภาพกระเด็นไปคนละทิศ ละทาง แล้วยังพบ กับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ดรีม สี ขาว-แดง ทะเบียน 6 กด 9476 กรุงเทพมหานคร ล้มตะแคงอยู่ แล้วใกล้กันยังพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ตามร่างกายและบริเวณใบหน้ามีรอยสัก ทราบชื่อมาชื่อนายอนุชา ปิ่นแก้ว อายุประมาณ 19 ปี สวมใส่ เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีแดง กางเกงยีนส์ ขาสามส่วนสีน้ำเงิน ลักษณะนอนหงาย อยู่กับพื้น และมีบาดแผล ขนาดใหญ่บริเวณศรีษะ มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ส่วนถัดไปไม่ไกลนัก บริเวณขอบฟุตบาทพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ทราบชื่อต่อมา ชื่อ นายกระสินธุ์ ยมกนิษฐ์ อายุประมาณ 75 ปี สวมใส่เสื้อคลุมแบบเสื้อกันหนาวแขนยาวสีชมพู เสื้อด้านในเป็นเสื้อโปโลสีขาว แขนสั้น กางเกงลูกฟูกขาสั้น สีน้ำเงิน ลักษณะนอนคว่ำหน้ากับขอบฟุตบาท มีบาดแผลที่ข้อเท้าหักจนเห็นกระดูกโผล่ออกมา แล้วบริเวณข้อมือมีลักษณะผิดรูปซึ่งคาดว่าข้อมือก็น่าจะหักเหมือนกัน แล้วมีบาดแผลเปิดขนาดใหญ่บริเวณใบหน้ามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ใกล้กับร่างผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวยังพบกับรถจักรยานปั่นสีน้ำเงิน ลักษณะพังยับเยินล้มตะแคงอยู่กับพื้นถนน จากการสอบถามจากคนในละแวกแถวนั้นบอกว่าเป็นจักรยานคู่ใจของผู้เสียชีวิตนั่นเอง



สอบถามจากผู้เห็นเหตุการณ์ ชื่อนายพร สามิภักดิ์ อายุ 47 ปี บอกเล่าว่า “ลุงแกซื้อของอยู่ฝั่งนู้น แล้วแกก็ปั่นจักรยานข้ามฝั่งมาเลย ผมไม่แน่ใจว่าแกได้ดูรถฝั่งนี้หรือป่าว พอข้ามมารถ จักรยานยนต์ก็ชนแกกลางคันเลย ตอนแรกน้องเค้าก็เหมือนจะยังไม่เสียชีวิต แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไป เลยโทรแจ้งรถกู้ภัยมาครับ”

สอบถามจากนายสุรชัย ทิมทอง อายุ 30 ปี เล่าว่า ” ลุงแกจอดซื้อน้ำเต้าหู้อยู่ เสร็จแล้วแกขี่ข้ามตัดหน้ามาเลย น้องเค้าขี่รถจยย.มาทางตรงก็กระทันหัน เบรคไม่ทันแล้ว ตอนล้มน้องเค้ายังมีลมหายใจอยู่ รถ จยย.ก็ยังไม่ดับ พออาสามาถึงก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่เป็นผล แต่ลุงแกนิ่งไปเลย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวช มอบร่างผู้เสียชีวิตให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง เมื่อตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยจะติดต่อญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
ส่วนสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ยังคงสรุปถึงสาเหตุยังไม่ได้ต้องรอผลการตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และต้องรอผลจากสถาบันนิติเวช อีกครั้งถึงจะสรุปถึงการเกิดเหตุได้



สอบถามจากผู้เห็นเหตุการณ์ ชื่อนายพร สามิภักดิ์ อายุ 47 ปี บอกเล่าว่า “ลุงแกซื้อของอยู่ฝั่งนู้น แล้วแกก็ปั่นจักรยานข้ามฝั่งมาเลย ผมไม่แน่ใจว่าแกได้ดูรถฝั่งนี้หรือป่าว พอข้ามมารถ จักรยานยนต์ก็ชนแกกลางคันเลย ตอนแรกน้องเค้าก็เหมือนจะยังไม่เสียชีวิต แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไป เลยโทรแจ้งรถกู้ภัยมาครับ”

สอบถามจากนายสุรชัย ทิมทอง อายุ 30 ปี เล่าว่า ” ลุงแกจอดซื้อน้ำเต้าหู้อยู่ เสร็จแล้วแกขี่ข้ามตัดหน้ามาเลย น้องเค้าขี่รถจยย.มาทางตรงก็กระทันหัน เบรคไม่ทันแล้ว ตอนล้มน้องเค้ายังมีลมหายใจอยู่ รถ จยย.ก็ยังไม่ดับ พออาสามาถึงก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่เป็นผล แต่ลุงแกนิ่งไปเลย”


ชุติเดช ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม