ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องพ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19 ครั้งแรก ทำสัญญากับธนาคารออมสิน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท อายุเงินกู้ 4 ปี ครบกำหนดปี 2567 ชำระดอกเบี้ยปีละ 2 งวด

วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการทำสัญญากู้ยืมเงิน (พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19) ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ครั้งที่ 1 ลงนามโดย นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2563 โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ประกอบมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า

กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ได้ดำเนินการกู้เงินโดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) โดยมีสาระสำคัญ และเงื่อนไขของการกู้เงิน ดังนี้

1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยวิธีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) กับธนาคารออมสิน วงเงินกู้รวม 30,000,000,000 บาท (สามหมื่นล้านบาทถ้วน)

2. การเบิกเงินกู้ กระทรวงการคลังจะทยอยเบิกเงินกู้ นับตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 จนถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2563 โดยจะแจ้งผู้ให้กู้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้เป็นงวดๆ โดยจะเรียงลำดับจากวงเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดก่อน และเมื่อเบิกเงินกู้ครบจำนวนของวงเงินดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเบิกรับเงินกู้ในวงเงินลำดับถัดไป

3. อายุเงินกู้ 4 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ครบกำหนดในวันที่ 8 กรกฎาคม 2567

4. อัตราดอกเบี้ย

4.1 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง บวกส่วนต่างเฉลี่ยร้อยละ 0.15057 (ศูนย์จุดหนึ่งห้าศูนย์ห้าเจ็ด) ต่อปี

4.2 อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หมายความว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ 6 เดือน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

4.3 การปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราดอกเบี้ยงวดแรกจะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันเบิกเงินกู้ สำหรับการใช้อัตราดอกเบี้ยในงวดต่อๆ ไป จะใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ณ วันครบกำหนดชำระดอกเบี้ย เพื่อใช้คำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา 6 เดือนถัดไป การคำนวณดอกเบี้ยให้ถือว่า 1 ปีมี 365 วัน นับตามจำนวนวันที่เกิดขึ้นจริง เศษของ 1 สตางค์ให้ปัดทิ้ง ชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่ 8 มกราคม 2564 และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันที่ 8 กรกฎาคม 2567

5. การชำระดอกเบี้ย ตลอดเวลาที่สัญญายังมีอายุอยู่ให้แบ่งชำระดอกเบี้ยปีละ 2 งวด คือ วันที่ 8 มกราคม และ 8 กรกฎาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะชำระพร้อมต้นเงินกู้ ณ วันสิ้นสุดตามสัญญากู้ยืมเงิน หากวันครบกำหนดชำระดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ให้เลื่อนไปชำระในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระ ยกเว้นการชำระต้นเงินกู้งวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึงวันก่อนวันชำระหนี้

6. การชำระคืนต้นเงินกู้ กระทรวงการคลังสามารถชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนครบกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะแจ้งให้สถาบันการเงินทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วันทำการ โดยกระทรวงการคลังจะชำระดอกเบี้ยคงค้างของต้นเงินกู้ที่ค้างชำระ พร้อมกับการชำระเงินคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนดนั้น

ทั้งนี้ ดอกเบี้ยคงค้างให้คำนวณนับตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังชำระคืนดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันก่อนวันที่กระทรวงการคลังชำระคืนต้นเงินกู้ก่อนกำหนด โดยหากวันครบกำหนดชำระคืนต้นเงินกู้ตรงกับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนไปชำระคืนในวันทำการถัดไป

7. ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใดๆ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม