จ.ชัยภูมิ ซ้อมแผนรับมือม็อบ ต้านลุง.!
วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ที่บริเวณลานอนุสาวรีเจ้าพ่อพระยาแล ในเมืองชัยภูมิ นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังวัดชัยภูมิพร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังวัดชัยภูมิ ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ซ้อมแผนผจญเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนและการบริหารเหตุการณ์ ในพื้นที่ลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ โดยมีการสนธิกำลัง ซ้อมแผนเผชิญตุการ เตรียมซักซ้อมผจญเหตุและแผนควบคุมฝูงชน 3 ระดับ โดยมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน จากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ร่วมประชุมซ้อมแผนการรับมือในระดับต่างๆ หากการชุมนุมมีสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งมีระดับการเข้าควบคุมฝูงชนทั้งหมด 3 ระดับ จากเบาไปหาหนักประกอบด้วย
ระดับ 1 เป็นการกระชับพื้นที่เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้าม โดยระหว่างนั้นจะมีการเจรจาเพื่อขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ
ระดับที่ 2 เมื่อสถานการณ์รุนแรงเพิ่มขึ้น มีการปาสิ่งของหรือทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่จะจัดแนวป้องกัน โดยใช้โล่ กระบอง ในการเข้าระงับเหตุ
ระดับที่ 3 หากรุนแรงมากขึ้นไปอีก ทางเจ้าหน้าที่จะใช้เครื่องขายเสียงเพื่อปล่อยคลื่นเสียงให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุด และหากยังไม่ดีขึ้นก็จะใช้แก๊สน้ำตา และหากขั้นสูงสุดก็จะใช้ปืนกระสุนยาง ยิงตาข่าย เพื่อยุติการชุมนุม
นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังวัดชัยภูมิ ระบุว่า ทุกขั้นตอนที่มีการซักซ้อม เป็นไปตามแผนการเข้าผจญเหตุของชุดควบคุมฝูงชน ยืนยันว่า การซักซ้อมในวันนี้เป็นไปตามระเบียบ ไม่ได้เป็นไปตามที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการชุมนุมจากกลุ่มลูกเจ้าพ่อพระยาแลไม่เอานายกฯ ประยุทธฯ หลังจากที่มีการยกเลิกเคอร์ฟิวชั่วคราว
ในช่วงนี้ แต่หากหลังจากนี้จะมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ทางจังหวัดและทางตำรวจภูธรจังวัดชัยภูมิ ก็พร้อมหากมีคำสั่ง
พล.ต.ต.สมพจน์ฯ กล่าวต่อไปว่า ทุกกลุ่มสามารถจัดกิจกรรมได้ตามสิทธิ แต่ต้องอยู่ในกติกา หรือห้ามฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนการเจรจาได้มอบให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รอง.ผบก.ตร.จ.ชัยภูมิ เป็นหัวหน้าชุดเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่กับแกนนำในการชุมนุม ซึ่งข้อห้ามต่างๆ ก็ยังคงไว้ ทั้งการปิดกั้นจราจร ปิดทางเข้าออกอาคาร ห้ามใช้เครื่องเสียงขนาดใหญ่ และห้ามให้มีการชุมนุมยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีความพร้อมในการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมาก เนื่องจากมีหลายกลุ่มที่ต้องการร่วมกิจกรรม ซึ่งแกนนำจะต้องควบคุมคนของตนเองให้ได้ด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการปรับแผนการทำงาน ซึ่งจะวางแผนกพร้อมทั้งต้องวิเคราะห์กลุ่มผู้ชุมนุมให้ชัดเจน รวมถึงการตั้งด่านสกัดหากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบที่ต้องเข้มงวด และการควบคุมพื้นที่ให้ได้ก่อนที่จะมีการชุมนุม แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
โดย“กิจกรรมที่ทางแกนนำแจ้งมายังเจ้าหน้าที่เพื่อขอดำเนินการนั้น ต้องพิจารณาก่อนว่าจะสามารถทำได้ทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งการจัดกิจกรรมต้องอยู่ในที่ทางราชการกำหนดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อยากแจ้งว่า ทางศอฉ.ไม่มีนโยบายถึงกับห้ามจัดกิจกรรม เพียงแต่ว่าการจัดกิจกรรมต้องอยู่ในกรอบที่กำหนด ตามเงื่อนไขที่วางไว้ ทั้งแผ่นป้ายหรือข้อความที่กระทบถึงบุคคลอื่น ผู้ถูกกระทบก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ แต่หากเป็นความผิดต่อแผ่นดิน หรือเป็นถ้อยคำอันมิบังควร ก็ต้องดำเนินการเอาผิดทันที”.
ภาพ-ข่าว วิรัตน์ ดวงแก้ว ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ชัยภูมิ