เปิด18 รายชื่อ “กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ” ลาออก-ส.ส.เป็นเรื่องของผู้ใหญ่คงตกลงกันได้ส.ส.ควรนิ่งและทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชน
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงเปิดเผย 18 รายชื่อ กรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากตำแหน่ง ดังนี้
1.สันติ พร้อมพัฒน์
2.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
3.สุพล ฟองงาม
4.ธรรมนัส พรหมเผ่า
5.บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์
6.ไผ่ ลิกค์
7.นิโรธ สุนทรเลชา
8.สัมพันธ์ มะยูโซ้ะ
9.ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
10.พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์
11.ชาญวิทย์ วิภูศิริ
12.สกลธี ภัทรยิกุล
13.สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์
14.สุนชาติ ศรีบุศกร
15.นิพันธ์ ศิริธร
16.สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
17.สมศักดิ์ เทพสุทิน
18.พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ
มีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อที่ 15 (3 ) และ วรรคสาม
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ได้รับแจ้งจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 18 คน มีความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ตามรายนามกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจำนวน 18 คน และ หนังสือแจ้งลาออกจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจำนวน 18 ฉบับ ที่ส่งมาพร้อมหนังสือฉบับนี้
โดยมีผลลาออกนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป จึงเป็นเหตุให้จำนวนกรรมการบริหารพรรคว่างลงเกินกึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐทั้งหมด มีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐทั้งคณะพ้นตำแหน่ง เป็นไปตามข้อบังคับพรรคฯข้อที่ 15 (3)และตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐข้อที่ 19 วรรค 3 กำหนดว่า “ในกรณีกรรมการบริหารพรรคการเมืองพันจากตำแหน่งทั้งคณะ ยกเว้น (2) ให้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองชุดใหม่ภายใน45วัน นับแต่วันที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองพันจาก
ตำแหน่งทั้งคณะ “และตามวรรค4″ ในกรณีที่มีเหตุให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองพันจากตำแหน่งทั้งคณะให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองชุดใหม่”
ดังนั้น นายไพบูลย์ จึงมีหนังสือฉบับนี้มาเพื่อขอให้ท่านในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เรียกประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว เพื่อเร่งกำหนดวันจัดประชุมใหญ่สามัญและให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ ภายใน 45 วันนับจากวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ข้อที่ 15 วรรค3
ขณะที่ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 1ใน18กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่ลากออก กล่าวผ่านสื่อว่า ความขัดแย้งภายในพรรคมีมานานมากแล้ว และเป็นเรื่องที่ส.ส.ในพื้นที่อึดอัดใจมาก แต่เชื่อมั่นว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่คงเจรจาตกลงกันได้ ส.ส.ควรนิ่ง และทำหน้าที่ในพื้นที่อย่างจริงจัง ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนที่ยากลำบากเพราะพิษโควิด-19
“ส.ส.ควรทำหน้าที่ ไม่สร้างก๊ก สร้างกลุ่ม หรือเติมเชื้อไฟความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐ แต่ส.ส.ควรเป็นที่พึ่งของประชาชนที่เดือดร้อนหนัก ทั้งปัญหาภัยแล้ง ทั้งปัญหาโรคร้ายโควิด-19 ในฐานะเราเป็นส.ส.ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะความขัดแย้งในพปชร.เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เดี๋ยวเขาก็ตกลงกันได้ ไม่นานก็ไปกินอาหารร่วมโต๊ะกันแล้ว” ส.ส.สัมฤทธิ์ กล่าวในที่สุด