เปิดพฤติกรรมสุดโหด ณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร ครูพี่ณัฐ ทุบทำร้าย “น้องชายแดน”จนเสียชีวิต
จากคดีสุดสะเทือนใจเมื่อเดือนมิ.ย.2562 เมื่อครูพี่ณัฐ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร บ้านครูพี่ณัฐ ทำร้ายร่างกาย “น้องชายแดน” หรือด.ช.ฐปกร ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี เด็กนักเรียนที่เข้าไปเรียนเตรียมทหาร โดยการใช้ไม้เบสบอสบอลตี ใช้ไฟแช็คลนตามร่างกาย จนอาการสาหัส สุดท้ายน้องชายแดนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดภายใน หมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์
ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 ศาลจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตนายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา เตรียมทหาร บ้านครูพี่ณัฐ พร้อมพิพากษาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และน.ส.นงลักษณ์ พละแสน แม่ยาย
เบื้องต้นจำเลยมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน
สำหรับแนวทางการสืบสวนในคดีนี้ ของชุดสืบสวน สภ.เมือง นครสวรรค์ เริ่มตั้งแต่ พ.ต.อ.สุทธินันทร์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ (ในขณะนั้น) นำกำลังจับ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ ภายในหมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี ที่เข้าไปศึกษาและเก็บตัวอยู่ที่สถาบันดังกล่าว จนเสียชีวิต รวมถึง น.ส.พีรญา พละแสน อายุ 25 ปี ภรรยา และน.ส.นงลักษณ์ พละแสน อายุ 54 ปี แม่ยาย ข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ก่อนนำตัวนายณัฐพลมาสอบสวนยัง สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำจังหวัดนครสวรรค์
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2562 ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ พนักงานสอบสวนยังคงประชุม เพื่อสรุปสำนวนการสอบสวน และนำเอาพยานหลักฐานมาสรุปประกอบสำนวน โดยนำหลักฐานไม้เบสบอล ทั้งหมด 8 อัน ที่พบในบริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิง พื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นำไปส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนนำมาประกอบสำนวนน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญในคดีนี้ด้วย
โดยไม้เบสบอลทั้งหมดนี้ มีรายงานว่า มีการนำไปทิ้งถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหลังจากที่มีการทำร้ายน้องชายแดนจนหัวแตก แขนหักแล้ว นายณัฐพลจึงนำไม้ที่ใช้ทำร้ายไปทิ้งก่อน 4 อัน จนกระทั่งเกิดการทำร้ายน้องชายแดนอีกครั้ง โดยครั้งนี้รุนแรงจนเกิดข่าวน้องชายแดนเสียชีวิต และตัวนายณัฐพล ซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันเข้าไปมีส่วนพัวพัน จึงให้เด็กชายที่เป็นลูกสมุนนำไม้เบสบอลที่เหลือทั้งไม้ที่ใช้ตี และไม้ที่ยังใหม่ไม่ได้ใช้ นำไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน โดยมีนายณัฐพลเป็นผู้ขับรถพาไปทิ้งบริเวณใต้สะพานแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่มีบ้านคนพักอาศัยอยู่ในละแวกนั้น
แม้ว่านายณัฐพล จะนำไม้เบสบอล หรือ หมอน ไปทิ้งหมดเพื่อทำลายหลักฐานแล้วนั้น แต่ตำรวจ ก็ไปค้นพบหลักฐานสำคัญ คือป้ายชื่อ ที่ติดอยู่กับถุงห่อไม้เบสบอลจนสอบเค้นและขยายผล
ส่วนประเด็นร่องรอยไหม้ที่ร่างกายของน้องชายแดนนั้น มีรายงานข่าวว่าเกิดจาก ที่นายณั,พลได้สั่งไปยังเด็กชายลูกสมุนระดับหัวหน้า ให้ไปบังคับให้เพื่อนนักเรียนที่เรียนอยู่ด้วยกัน จับขึงน้องชายแดนไม่ให้ดิ้นหลบหนี จากนั้น จึงจุดไฟแช็ค ลนอวัยวะเพศ ต่อหน้าเพื่อนๆ ที่ร่วมจับน้องชายแดน ทั้งที่ไม่เต็มใจจะร่วมกันทำ แต่เพราะโดนบังคับ หากไม่ร่วมมือก็จะถูกหาเรื่องรุมทำร้าย
ซึ่งสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งนี้ เด็กหลายรายบอกว่า เมื่อเข้าไปอยู่แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรไปจากสถานที่ถูกจองจำ เพราะเด็กนักเรียนที่เข้ามาเรียนจะถูกยึดโทรศัพท์ทั้งหมด แม้แต่ผู้ปกครองจะมาเยี่ยมหา ก็ต้องนัดวันกับทางเจ้าของสถาบันล่วงหน้าก่อน จึงจะกำหนดวันพบเจอลูกได้
ที่ผ่านมาก็มักใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียนที่มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่ตลอด และในทุกๆ สัปดาห์ ทางเจ้าของสถาบันซึ่งคลั่งไสยศาสตร์ อวดอ้างว่าตนคือร่างทรงเทพ จะจัดให้เป็นวันล้างบาป โดยการให้เด็กนักเรียนแต่ละคนถือไม้เบสบอลมารวมตัวกัน หากเด็กในกลุ่มรายไหนทำความผิด หรือในกลุ่มไม่ชอบใครคนไหน ก็จะให้เด็กใช้ไม้รุมทุบดีเด็กรายนั้น เพื่อเป็นการชำระบาป ชนิดที่ว่า ยิ่งแค้นมาก เด็กที่โดนก็จะยิ่งเจ็บมาก เพราะทางเจ้าของสถาบันจะสั่งให้ทำอย่างเต็มที่
ซึ่งในรายน้องชายแดน ก็เคยถูกรุมทุบตีในวันล้างบาปมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งมาถูกรุมทุบตีจนหัวแตกแขนหัก รวมไปถึงก่อนวันที่น้องชายแดนจะเสียชีวิต ก็ถูกรุมทุบตีอีก เพียงเพราะไปขอโทรศัพท์จากแม่ยาย เพื่อจะติดต่อกับทางบ้าน แต่ไม่ได้ จึงทำให้น้องชายแดนหลุดสบถคำหยาบออกมา จนนำไปสู่การร่วมกันทำร้ายน้องชายแดนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งในเหตุการณ์นี้นายณัฐพลยอมรับเองด้วยว่า ใช้ไม้เบสบอลตีน้องชายแดนไปกว่า 20 ครั้ง โทษฐานไปเถียงว่าแม่ยายของเขาด้วย
“ที่ผ่านมาแก๊งหัวโจกรวมถึงเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ มักจะถูกนายณัฐพลข่มขู่จะทำร้ายต่างๆ นานา เพื่อไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสถาบันไปบอกใคร จนทำให้เด็กเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าให้การตำรวจ แต่สุดท้าย ทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนคดีเกลี้ยกล่อมเด็กที่เป็นพยานทั้งหมด จนยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นภายในสถาบันแห่งนี้ทั้งหมด รวมถึงครั้งสุดท้าย พบเห็นชายแดนถูกทำร้ายจนเลือดนองพื้น ก่อนจะหามน้องชายแดนขึ้นรถส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งมีความสอดคล้องกับวันที่ตรวจค้นสถาบันเพื่อหาหลักฐาน แล้วพบคราบเลือดอยู่ภายในบ้าน และที่รถเก๋งของนายณัฐพล จนนำมาสู่การออกหมายจับและดำเนินคดีครอบครัวครูโรงเรียนกวดวิชาโหดในครั้งนี้ ซึ่งทั้งนักเรียนหัวโจกและเด็กนักเรียนที่อยู่ร่วมในสถาบันเดียวกัน จะถูกกันไว้เป็นพยานในคดีนี้”
สำหรับประวัตินายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา เตรียมทหาร
จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนชื่อดังของ จ.นครสวรรค์
จากนั้นสอบติดเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ แต่เรียนไม่จบหลักสูตร เพราะเจ้าตัวขอลาออกขณะกำลังศึกษาปีที่ 2
โดยหลังจากลาออกมาแล้ว เมื่อปี 2560 นายณัฐพลจึงผันตัวเองมาเปิดสถาบันกวดวิชาทหาร โดยเริ่มแรกตั้งสถาบันอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจปากน้ำโพ ก่อนจะย้ายไปตั้งที่ใหม่ ภายในหมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 เมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา
เหตุผลที่ ครูพี่ณัฐ ได้รับความน่าเชื่อถือ จากพ่อแม่ ผู้ปกครองเพราะ สถาบันกวดวิชาเตรียมทหารนั้นมีรูปถ่ายแต่งชุดนักเรียนเตรียมทหาร ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ
ช่วงเปิดการสอนปีแรก สถาบันกวดวิชานี้มีนักเรียนสอบเข้าเตรียมทหารได้หลายคน ทำให้ผู้ปกครองเชื่อใจนำลูกหลานสมัครเรียนกวดวิชากันอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ครูพี่ณัฐ มักจะฝึกเด็กนักเรียนแบบทหาร ระหว่างการติว ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ แต่มีพฤติกรรมแปลกๆ บอกว่าตนเองมีองค์เทพ ชอบใช้ความรุนแรง และสะสมดาบซามูไรหลายร้อยเล่ม รวมถึงป้ายโฆษณาที่ติดประกาศไว้ทั่วหมู่บ้าน จึงทำให้ผู้ปกครองหลายรายเกิดความสนใจพาบุตรหลานมาสมัครเรียน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลนี้ พบว่าเด็กที่มาเรียนกับสถาบันแห่งนี้ สอบติดโรงเรียนเตรียมทหารแค่ 2 รายเท่านั้น และเด็กทั้ง 2 คนนี้ เป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว
เรียบเรียงโดย ทีมข่าว ThaiTrend.co