การจัดให้มีการศึกษาทางไกลและออนไลน์ให้นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 จะได้ประโยชย์และมีประสิทธิภาพแค่ไหน หากผู้ปกครองไม่พร้อม ไม่มีทีวี ไม่มีโทรศัพท์ หรือบางบ้านอาจไม่มีอินเทอร์เน็ต
จากกรณีที่มีการแชร์ภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งที่มาซื้อโทรศัพท์มือถืออีก ผ่านโลกโซเชียล พร้อมระบุว่า “อยากรู้จังเลยใครออกความเห็นเรื่องการเรียนผ่านออนไลน์ ดูสิ่งที่ท่านนำเสนอแต่รู้มั๊ยว่าความลำบากมันเกิดขึ้นแล้วสำหรับคนที่เขามีทุนน้อย ดูเด็กคนนี้ต้องแคะกระปุกมาเพื่ออยากได้เรียนเหมือนเพื่อน ๆ ถามเด็กน้อยว่าหนูชื้อไปเล่นเกมส์เหรอลูก ป่าวค่ะหนูจะเอาไปเรียนออนไลท์กับเพื่อน ๆ ค่ะ คำตอบของเด็กน้อย (พี่ขออนุญาตลงรูปนะคะ)”
นอกจากนั้นยังผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Jatupol Boriboon ได้โพสต์ภาพของยายและหลานที่พากันมาซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อนำไปใช้เรียนออนไลน์ พร้อมระบุว่า “ยายพาหลานเดินมาถามว่ามีโทรศัพท์ราคาไม่เกิน 2,000 มั้ย จะซื้อให้หลานไว้ใช้เรียนออนไลน์นั้นโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์แสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมายในโซเชียล โดยหลายคนมองว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ปกครองหรือไม่ เนื่องจากผู้ปกครองบางคนนั้นไม่มีเงินมากพอที่จะซื้ออุปกรณ์ให้ลูกหลานเรียนออนไลน์”
ต่อมา พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Torsak Sukvimol ระบุว่า “ได้อ่านแล้ว มันน่าสงสารครับ อยากทำโครงการรับบริจาคเครื่องมือสอง ไอโฟน 5,6,7,8,9 หรือ ซัมซุง หรืออะไรก็ได้ ที่สามารถเล่นอินเตอร์เนตได้ เพื่อเยาวชนของชาติที่ครอบครัวไม่พร้อม ยิ่งชั่วโมงนี้เงินทุกบาทมีค่ามาก ๆ สำหรับพวกเขา ประสานค่ายมือถือขอซิมเนตเพื่อการศึกษาฟรีจำกัดชม.อินเตอร์เนต”
ในสถานการณ์ที่โรคระบาด ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน คงไม่มีผู้ปกครองคนไหนที่จะกล้าใครจะกล้าส่งบุตรหลานไปเรียนรวมกัน เพราะความเสี่ยงยังคงมีอยู่ แต่ทุกคนจะต้องเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและพยายามปรับตัว ปรับพฤติกรรม และเดินหน้าต่อไป
ที่มา : เฟซบุ๊ก Jatupol Boriboon, Torsak Sukvimol และ เสาวลักษณ์ จันทกนก