“รมช.สธ. เร่งตรวจสอบไทม์ไลน์ ไล่กล้อง-สอบสวนโรค เตรียมลงพื้นที่นำรถโควิด-19ไปตรวจเก็บตัวอย่างเชื้อกลุ่มเสี่ยง เพื่อสกัดการแพร่ระบาด ยืนยันทำเต็มที่ไม่ปกปิดข้อมูล ระบุ พบข้อมูลทหารอียิปต์ ไม่ให้ความร่วมมือตามขั้นตอนกักโรค”
13 ก.ค.2563 รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข สาธิต ปิตุเตชะ บอกสถานการณ์ในจังหวัดระยองหลังพบทหารอียิปตติดเชื้อโควิด-19 ว่า วันนี้ได้หารือกับกรมควบคุมโรค และทีมระบาดวิทยาก็ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลแล้ว และทางโรงแรมถูกสั่งปิดแล้ว ซึ่งเบื้องต้นพบผู้ที่มีความเสี่ยงสัมผัส ได้ให้ไปกักตัวเอง และกำลังติดตามว่า มีใครไปที่ไหนอย่างไร ในห้าง2ห้างที่ระยอง ช่วง11.00-15.00น. ซึ่งก็จะต้องไปติดตามจากกล้องวงจรปิดในการสอบสวนบุคคลว่าไปตรงไหนสัมผัสกับใครบ้าง รวมถึงรถจากโรงแรมไปที่ห้างต่างๆด้วย ตอนนี้เริ่มต้นที่โรงแรมได้ดำเนินการไปแล้ว
และจากปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่า เดิมทหารกลุ่มนี้จะต้องพักแต่ในโรงแรมเท่านั้น แต่ทหารกลุ่มนี้ไม่ค่อยเชื่อฟัง และไม่ยินยอมที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างเชื้อในช่วงแรกที่มาถึงด้วยเพราะทีมกรมควบคุมโรคได้ลงพื้นที่ไปเก็บแล้ว จึงต้องประสานไปยังสถานทูตฯจนได้รับความร่วมมือ รวมถึงการห้ามออกนอกเขตพื้นที่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเช่นกัน
ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้กรมควบคุมโรค จะนำรถพระราชทาน เก็บตัวอย่างชีวนิรภัยฯ ไปสุ่มตรวจในพื้นที่ เพื่อเป็นการตรวจเชิงรุกด้วย โดยตนเองจะลงพื้นที่ ไปกับรถของกรมควบคุมโรคด้วย
ส่วนสถานที่ที่พบข้อมูลว่า ทหารกลุ่มดังกล่าวได้ออกไปเดินเล่นนั้น ทั้งเซ็นนทรัลและห้างแหลมทอง หากใครที่มีความเสี่ยงให้มาตรวจกับรถคันนี้ได้ หลังจากนั้นก็จะทำการสอบสวนเพื่อขีดกรอบให้กว้างที่สุด ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดระยอง เพราะพื้นที่นี้ไม่มีการแพร่ระบาดมานานแล้ว และยืนยันจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ตรวจเชิงรุกให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เล็ดลอดออกไปในวงกว้าง/
นายสาธิต ยังบอกอีกว่า คณะนี้ไม่ใช่แขกของรัฐบาล แต่ต้องไปทำการสอบสวนอีกครั้ง โดยตามหลักทั่วไปหากเข้ามาในพื้นที่ทหาร ต้องได้รับอนุญาตจากกองทัพอากาศ และครั้งนี้เป็นเครื่องบินทหาร เข้ามาคล้ายกับกรณีลูกเรือ ซึ่งต้องมีสถานที่กำหนดว่าห้ามไปไหนเพื่อรอขึ้นบินต่อ เป็นมาตรการอยู่แล้ว
ส่วนโรงแรมที่กลุ่มทหารดังกล่าวใช้มีแค่โรงแรมเดียว และพักชั้นเดียว และชั้นนั้นไม่มีแขกอื่นพัก มีเฉพาะแขกกลุ่มนี้ และมีการเสริฟอาหาร เป็นข้าวกล่องส่วนใครที่มีความเสี่ยง ก็ได้นำเข้ากักตัวแล้ว และจะทำการสอบสวนโรคต่อ ซึ่งยืนยันว่าจะปฏิบัติด้วยความโปร่งใสและชี้แจงทุกขั้นตอน
ส่วนจะติดเชื้อร้ายแรงหรือไม่เพราะไม่แสดงอาการนั้น นายสาธิตบิกว่า เมื่อถือว่าเป็นกลุ่มเดียวกันก็ถือว่ามีความเสี่ยงต้องทำการกักตัว และนำไปตรวจเพื่อไม่เป็นการให้เกิดโอกาสการระบาดระลอก2 แม้ไม่ได้เป็นคนติดเชื้อแต่ก็ต้องไปกักตัว และไปตรวจให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ มองว่า การระบาดระลอก2 มักจะมาแบบนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ซึ่งตนเองขอยืนยันว่าจะทำเต็มที่เพื่อสกัดไม่ให้เกิดระลอก2ขึ้น และต้องสร้างความมั่นใจให้กลับมาสู่คนไทยให้ได้
