ศบค.เผย ผลโพล ชี้ คนไทยการ์ดตก หมอทวีศิลป์ ชี้ น่ากังวล วอน อยู่ห่างไว้ ใส่แมสก์กัน หมั่นล้างมือ เพื่อให้ปลอดโรค
วันที่ 2 มิ.ย. ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าศุกร์ 5 มิย.นี้ ศบค.จะพิจารณาวันหยุดชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ว่า ยืนยันว่า ศบค. ยังไม่มีมติใดๆ ในเรื่องดังกล่าวและยังไม่มีข้อกำหนดใด ที่จะออกมาว่าจะชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ตอนไหน หรือจะถูกพิจารณาวันไหน เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป ตนย้ำว่าถ้าวันนี้ทุกคนทำดีที่สุดจะเป็นการกำหนดชะตาชีวิต ของพวกเราในวันข้างหน้า และเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่จะเป็นผู้ให้ความเห็นชอบและมีมติออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ศบค. ดูแลงานด้านการควบคุมโรคเป็นส่วนใหญ่ ขอให้รอดูในสถานการณ์ของการประชุมครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ปัจจุบันมีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในประเทศอย่างไร โฆษก ศบค.กล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ในระยะการผ่อนปรนระยะที่สามซึ่งยังมีความกังวลใจว่ายังจะมีการติดเชื้ออยู่ภายในประเทศบ้างหรือไม่ จึงจะต้องตรวจควานหากัน ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับที่ประชุมบ่อยครั้ง โดยนำตัวเลขมาเทียบเคียงกันเป็นรายวันและรายสัปดาห์ จึงมีมาตรการเฝ้าระวังโรคและค้นหาการติดเชื้อในประชากรกลุ่มเสี่ยงในสถานที่เสี่ยงทั้งหมดที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 100,000 ราย ได้ปฎิบัติการกันมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมและจะทำกันต่อไป โดยได้รับรายงานว่าใน 12 เขตตรวจราชการของกระทรวงสาธารณสุขภายในสองสัปดาห์สามารถตรวจไปได้แล้ว 32,568 ราย ทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าทำไปได้ 1 ใน 3 หรือ 32.56% แต่ในเวลานี้ยังไม่มีรายงานว่าตรวจพบเชื้อในกลุ่มเหล่านี้ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายต่างๆทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องขังแรกรับ ผู้ที่มีอาชีพพบปะผู้คนเป็นจำนวนมาก กลุ่มอื่นๆตามประกาศโรคติดต่อที่ทางจังหวัดพิจารณา ดังนั้นหากได้รับการเชื้อเชิญให้ไปตรวจก็ขอให้ให้ความร่วมมือเพื่อความมั่นใจว่าสังคมไทยเราปลอดเชื้อ
เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าขณะนี้ คนไทยการ์ดเริ่มตก ศบค. ได้ติดตามความร่วมมือของประชาชน ในการปฎิบัติการป้องกันต่างๆหรือไม่ โฆษก ศบค.กล่าวว่า เป็นที่น่ากังวลใจ และทางกระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ข้อมูลหลายชุดหลายด้านรวมทั้งมีการทำโพล ที่จะเห็นได้ว่านิด้าโพลที่ระบุว่ามีการตั้งคำถามว่าเมื่อผ่อนคลายแล้วได้ออกนอกบ้านหรือไม่ก็พบว่า 62% หรือสองในสามยังไม่ได้ออกไปไหน ยังไม่ได้ไปในสถานที่รวมกิจการกิจกรรมใดๆ พบว่ายังเซฟตัวเองและอยู่ที่บ้าน