เปิดโปงไฟเขียวยึดแม่น้ำปากพนังเครื่องมือประมงผิดกฎหมายผุดเต็มพื้นที่ไม่เว้นหน้า สนง.เจ้าท่า ฯ-ชี้ต้นตอปัญหามีเอี้ยวผลประโยชน์ทับซ้อน
เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายมาโนช ดวงดี นายกสมาคมประมงชายฝั่งปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และชาวประมงชายฝั่งจำนวนหนึ่งได้ล่องเรือหางยาวในแม่น้ำปากพนังพบว่าตลอดลำน้ำตั้งแต่ช่วงหน้าสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการสร้างเครื่องมือประมงผิดกฎหมายชนิดทั้งโพงพางและยกยักษ์ หรือ”บาล์ม” นับ 100 ปาก โดยพบว่ายอยักษ์หรือบาล์มแต่ละปากจะมีขนาดกว้างยาว 20 เมตรขึ้นไป และจะประกอบการในช่วงกลางคืนตลอดทั้งคืนโดยใช้ไฟส่องล่อปลาและสัตว์น้ำ ที่สำคัญยอยักษ์หรือบาล์มทุกปากจะใช้อวนตาถี่จนปลาและสัตว์น้ำทุกชนิด ทุกขนาดที่หลงเข้าไปจะไม่สามารถหลุดรอดพ้นไปได้ ในขณะที่นางแมว อายุ 60 ปี ซึ่งออกวางอวนจับปลากฎ และปลาประบอกชายฝั่งแม่น้ำปากพนัง เพียงคนเดียวกล่าวว่าทุกวันนี้การประกอบอาชีพประมงชายฝั่งในแม่น้ำปากพนังเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะมีการก่อสร้างเครื่องมือประมงผิดกฎหมายเป็นระยะเต็มลำน้ำจนไปถึงปากอ่าวปากพนัง โดยเฉพาะเครื่องมือยอดฮิตในขณะนี้คือยอยักษ์ หรือบาล์ม ที่มีการตัดไม้โกงกางขนาดใหญ่ในเขตป่าสงวนป่าชายเลนมาปักเป็นแนวเขตสำหรับผูกโยงยอยักษ์หรือบาล์ม และใชข้อวนตาถี่มาก ๆ ปลาและสัตว์น้ำทุกขนาดไม่สามารถลอดผ่านไปได้ ที่สำคัญยอยักษ์หรือบาล์มทุกปากจะเปิดไฟส่งสว่างเพื่อล่อปลาและสัตว์น้ำ สร้างผลหกระทบต่อประมงชายฝั่งเป็นอย่างมากเพราะพื้นที่หากินลดน้อยลง เพราะนายทุนเจ้าของยอยักษ์ห้ามชาวประมงชายฝั่งทั่ว ๆ ไปเข้าไปวางอวนหรือทำประมงอื่น ๆ ใกล้ยอยักษ์หรือบาล์ม ในระยะ 50-100 เมตร และยังสุ่มเสี่ยงในการขับเรือหางยาวชนเชือกที่ขึงยึดโยงยอยักษ์หรือบาล์ “เมื่ออาทิตย์ก่อนตนเกือบจะเสียชีวิตเป็นผีเฝ้าแม่น้ำปากพนัง เพราะช่วงกลางดึกในขณะขับเรือไปกู้อวนดักปลาได้ชนกับสายเชือกที่ผูกโยงยอยักษ์หรือบาล์มที่ในเวลากลางคืนจะมองไม่เห็นเชือก โดนเชือกเกี่ยวที่ลำคอพอดีทำให้เสียหลักพลัดตกจากเรือลงไปในน้ำ โชคดีที่น้ำๆไม่ลึกจึงพยายามตั้งสติช่วยเหลือตัวเองกลับขึ้นเรือๆได้อย่างทุลักทุเลรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ ซึ่งตนไม่ทราบว่าเครื่องมือประมงผิดกฎหมายชัดเจนแบบนี้ทางราชการที่เกี่ยวข้องเขาอนุญาติให้สร้างขึ้นเต็มลำน้ำแม่น้ำปากพนังได้อย่างไร ใครผ่านไปมาก็เห็นเจ้าหน้าที่สำนักวานเจ้าท่าก็เห็นชัดเจน แต่กลับไม่ถูกจับกุม”
ในขณะที่ญาติของนายศรีใหม่ จุลเลศ อายุ 41 ปี กล่าวว่านายศรีใหม่ เป็นคนพิการหูหนวกและมีปัญหาในระบบกล่องเสียง ไม่สามารถพูดจาสื่อสารได้ตามปกติ มีฐานะยากจน แยกทางกับภรรยาจึงมีภาระต้องเลี้ยงลูก 4 คนเพราะอายุ 5-12 ปี นำเรือหางยาวขนาดเล็กออกวางอวนจับปลาและสัตว์น้ำใกล้กับยอยักษ์หรือบาล์ม ถูกนายทุนทำร้ายบาดกเจ็บและทำลายอวนจนเสียหาย 2 ครั้ง ในขณะนี้ไม่กล้าออกจับปลาในแม่น้ำปากพนังเพราะกลัวจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตทำให้ลูก 4 คนกลายเป็นเด็กกำพร้าได้ โดยทางศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยระดมเงินจากผู้ใจบุญเพื่อมอบให้นายศรีใหม่ ใช้ซื้อเครื่องมือช่างซ่อมเรือ เพื่อให้นารยศรีใหม่รับจ้างซ่อมเรือหางยาวหารายได้เลี้ยงวลูก 4 คนเป็นการเปลี่ยนอาชีพจากการทำประมงชายฝั่งมารับจ้างซ่อมเรือแทน ในขณะนี้นยายศรีใหม่ ประสบอุบัติเหตุโดนใบมีดหินเจียรเหล็กขาดหลุดไปเจาะบาดขาซ้ายจนเอ็นร้อยหวายขาด ในขณะนี้ต้องนอนรักษาตัวอยู่ รพ.มหาราช อาจจะทำให้นายศรีใหม่พิการซ้ำซ้อนเพิ่มมากขึ้นอีก นายมาโนช ดวงดี กล่าวว่า ตนต่อสู้เรื่องการทำประมงผิดกฎหมายทั้งในแม่น้ำปากพนัง และลำคลองสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำปากพนัวง รวมทั้งในอ่าวปากพนังและอ้าวนครศรีธรรมราช มานานกว่า 10 ปี จนถูกปองร้ายจากนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐแทบเอาชีวิตไม่รอดมาหลายครั้ง เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) ตนพร้อมตัวแทนขชาวประมงชายฝั่งเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมครั้งที่ 3 ที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยยื่นครั้งแรกเมื่อ โดยยื่นครั้งแรกวันที่ 22 ส.ค. 2559 ครั้งที่ 2 วันที่ 25 ต.ค. 2562 และในครั้งนี้ท่าง ผอ.เจ้าท่า ฯไม่ยอมรับเรื่องร้องเรียนอ้างว่าเอกสารการร้องเรียนไม่ครบ เพราะตนไม่ได้แนบเอกสารการจดทะเบียนสมาคมประมง ฯมาด้วย แม้ตนจะบอกว่าจะเอามาให้ภายหลัง หรือเจ้าท่า ฯสามารถตรวจค้นได้จากการร้องเรียน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ ผอ.เจ้าท่า ฯก็ไม่ยอมและยังวแสดงอาการไม่พอใจ ข่มขู่คุกคามตนและตัวแทนช่วยประมงจนหวาดกลัวในอำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างมาก และตนขอเรียนว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ตนจะไม่ร้องเรียนเพราะร้องเรียนไปก็เงียบหายไม่มีอะไรคืบหน้าในการแก้ปัญหาให้ความเป็นธรรมกับชาวประมงชายฝั่งเลย“สำหรับเครื่องมือประมงผิดกฎหมายที่เต็มแม่น้ำปากพนัง อ่าวปากพนัง ชางประมงชายฝั่งธรรมดา ๆ ไม่สามารถสร้างได้ เพราะต้องใช้ทุนสูงมาก เช่น โพงพางและยอยักษ์หรือบาล์ม แต่ละปากต้องใช้เงินอย่างน้อย 80,000 บาท เฉพาะในแม่น้ำปากพนังไม่น้อยกว่า 100 ปาก หากเจ้าหน้าที่ไม่รู้เห็นเป็นใจมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ตนตระเวนถ่ายภาพ/คลิปไว้เป็นหลักฐานพร้อมระบุตำแหน่งพิกัดให้เห็นชัดเจนว่าเครื่องมือประมงผิดกฎหมายในแม่น้ำปากพนังตั้งอยู่จุดไหนบ้างไม่เว้นหน้าสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราช ทุกวันนี้แม่น้ำปากพนัง อ่าวปากพนัง อ่าวนครศรีธรรมราชถูกปักปันจับจองมีเจ้าของหมดแล้ว และไม่มีเจ้าหน้าที่ในทุกระดับที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแก้ไขปัญหา ทั้ง ๆ ที่ผิดกฎหมายและส่งผลกระทบกับการประกอบอาชีพของชาวประมงชายฝั่งอย่างหนัก จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้โปรดสั่งการตรวจสอบแก้ไขช่วยเหลือชาวงประมงชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างเร่งด่วนต่อไป”
นายมาโนช กล่าวอีกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นหลายฝ่ายเกรงว่าจะลุกลามบานปลายเหมือน จ.สุราษฎร์ธานี เพราะหาตรวจสอบอย่างจริงจังจะพบว่าปัญหาเครื่องมือประมงผิดกฎหมายและการจับจองพื้นที่แนวชายฝั่งต้นตอมาจากเจ้าหน้าที่จของรัฐรู้เห็นเป็นใจ มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเป็นธรรม เสมอภาคเท่าเทียมกัน ทราบว่าในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช จะเชิญทุกใยที่เกี่ยวข้องร่วมหารือเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งตนพร้อมตัวแทนชาวประชายฝั่งทั้ง อ.ปากพนัง อ.เมือง อ.ท่าศาลา และ อ.หัวไทร จะเข้าร่วมประชุมเปิดโฉงข้อมูลเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมดและไม่ใช่แค่การไปพบเพื่อให้ผู้ว่า ฯหรือหัวหน้าส่วนราชการระดับสูงเคลียร์ยุติปัญหาโดยที่ไม่มีการแก้ปัญหาที่แท้จริงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ตนและชาวประมงจะไม่ยอมอีกแล้วกับวิธีการซุกปัญหาไว้ใต้พรมร และกำลังปรึกษานักกฎหมายเพื่อยื่นฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมยื่นร้อง ปปช.และ สตง.ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณต่าง ๆ โดยเฉพาะงบช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านที่ประสบภัยพายุพาปึก 3 จังหวัด 99.8 บ้านเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชกว่า 35 ล้านโดยอ้างกลุ่มอนุรักษ์บังหน้า ในขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ เลย.นายมาโนช กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช